วันที่ 24 ม.ค.2567 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยเลิกนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารงานพัสดุภาครัฐ โดยให้เป็นดุลพินิจของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 60 คนตัดมินใจเองว่าจะจัดซื้ออย่างไรหรือมอบอำนาจให้ท้องถิ่นดำเนินการ

นายสุรวาท กล่าวถึงมติครม.ให้ยกเลิกครูนอนเวรในโรงเรียวสนว่า พรรคก้าวไกลเห็นด้วยอย่างยิ่งและมีนโยบายตั้งแต่ต้น จึงขอขอบคุณครม. ที่มีการปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ และขอแสดงความยินดีกับครูทั่วประเทศ ไม่ต้องไปเสี่ยงภัย หรือเหนื่อยล้าในการเข้าเวรโรงเรียน แต่จากการไปตรวจรายงานการประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ไม่พบว่ามีวาระปรากฏในเอกสาร และไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมครม.จึงสงสัยว่าเป็นเพียงการสนทนากันพูดคุยกันและเห็นดีเห็นงามด้วยกัน แต่ไม่มีเอกสาร บรรจุเข้าไปในวาระ การประชุมครม. เพราะฉะนั้นเป็นเพียงคำปรารภ ไม่มีในบันทึกการประชุม เป็นเพียงการให้สัมภาษณ์ของนายกฯและรัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น ไม่ทราบว่าจะไปลบล้างหรือยกเลิกมติครม. ได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่มติครม.เดิมได้หรือไม่  เพราะฉะนั้นหากไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุม ไม่มีในวาระการประชุม ก็ไม่มีการลงมติ ดังนั้นขอให้รัฐบาลรีบทำ เพราะแก้ระเบียบสำนักนายกฯเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติด้วย  เพราะเป็นความเห็นของนายกฯคนเดียวไม่ใช่ครม. และมติครม.เหนือกว่าคำพูดของนายกฯ

"เพราะได้พบอยู่บ่อยๆว่านายกฯได้พูดจาผ่านสื่อ จนทำให้มีวาทกรรม พูดใหญ่ คิดใหญ่ แต่ทำเล็ก เราก็หวังว่า จะพูดใหญ่ทำใหญ่ ขอให้ยกเลิก และให้มีการบริหารจัดการให้มีความ ปลอดภัยมีเทคโนโลยี หรือมี และบุคลากรที่มีความพร้อมเข้ามารักษาความปลอดภัย เช่นเวรยาม หรือฝ่ายปกครองของท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ แต่ต้องมีความพร้อมทั้งหมด ซึ่งเมื่อวานก็มีความว้าวุ่นสับสนของบรรดาครู มอบที่กำลังหอบเสื่อหอบหมอนหมอนเตรียมจะไปนอนโรงเรียน เพราะนายกฯประกาศให้ยกเลิกทันที จริงหรือไม่ ผอ.โรงเรียนบางแห่งบอกว่ายังไม่มี ขอให้หนังสือก่อนอย่างเป็นทางการก่อน แต่หลายพื้นที่ก็ทิ้งพื้นที่ ยังไม่มีเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นก็รอความชัดเจนจากรัฐบาล และกระทรวงศึกษาการว่าจะดำเนินการอย่างไร" นายสุรวาท กล่าว

นายสุรวาท กล่าวว่า ส่วนเรื่องภารโรงโรงเรียน ไม่อยากให้กระทรวงศึกษาธิการคิดไปทำไป จะใช้งบกลางมาดำเนินการอย่างเดียว แต่ภารโรงถือเป็นคนละเรื่องกับเวรยามในการรักษาความปลอดภัย เพียงแต่ภารโรงอาจจะเกื้อกูลทำหน้าที่เวรช่วยครูได้ ซึ่งตนก็เห็นด้วยที่จะมีภารโรงทุกโรงเรียน และพรรคก้าวไกลเห็นว่าควรจะต้องตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ในงบประมาณปี 67 และ 68 แต่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่กำลังพิจารณาอยู่ ไม่มีงบประมาณในการจ้างภารโรงอยู่

"ขอให้แปรญัตติงบส่วนนี้ในงบปี 67 เพื่อมาจัดจ้างภารโรงให้ครบตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 - 30 ก.ย. 68 และกระทรวงศึกษาธิการก็นำงบส่วนนี้ไปใส่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ซึ่งทางสำนักงบฯกำลังจัดทำอยู่ ไม่ใช่พอคิดได้แล้วจะเอาไปใส่ทีหลัง เพราะเรื่องนี้ควรเป็นงบประจำ" นายสุรวาท กล่าว