อึ้ง! ตำรวจสระแก้วแถลงสรุปคดี"แก๊ง5ทรชน ฆ่าป้าบัวผัน" พบเคยก่อเหตุไว้ 11 คดี ทั้งคดี "ฆ่าผู้อื่น-กระทำชำเรา-ทำร้ายร่างกาย" ขณะที่ "พ่อ-แม่-ตำรวจ"โดนตั้งข้อหาด้วย "บิ๊กโจ๊ก"เผยคดีฆ่าป้าบัวผันมีผู้ใหญ่ร่วมด้วย เตรียมขออนุมัติหมายจับคนที่เหลือ ระบุแก๊งเด็กสระแก้วอยู่สถานพินิจเกิน 3 ปีแน่ ไม่ต่างกับติดคุก
ที่ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.67 เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (ผบก.ภ.จว.สระแก้ว) พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี 5 เยาวชนฆาตกรรมป้าบัวผัน , พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว รรท.ผกก.สภ.อรัญประเทศ และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บริเวณหน้า สภ.อรัญประเทศ
โดย พล.ต.ต.ออมสิณ แถลงความคืบหน้าคดี 5 เยาวชนรุมฆาตกรรมป้าบัวผัน ว่า จากกรณีเหตุพบศพป้าบัวผัน และสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน 5 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และได้มีการขยายผลพบว่ากลุ่มเด็กดังกล่าวมีการกระทำความผิดเพิ่มเติม ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วขอแถลงความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องรวม 11 คดี ดังนี้
คดีที่1. คดีที่ 47/2567 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ดำเนินคดีกับนายโก๊ะ พร้อมพวกรวม 5 คน ดำเนินการสอบสวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือรอผลตรวจดีเอ็นเอ , ผลการตรวจข้อมูลทางโทรศัพท์ , รายงานสืบเสาะของสถานพินิจและผลประวัติผู้ต้องหา คดีที่ 2. คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ 3 คดี ได้แก่ คดีที่ 69/2567 ฐานร่วมกันกระทำชำเรา ดำเนินคดีกับนายโก๊ะ พร้อมพวกรวม 4 คน , คดีที่ 60/2567 ฐานกระทำชำเราเด็ก ดำเนินคดีกับนายโก๊ะ , คดีที่ 68/2567 ฐานกระทำชำเราเด็ก ดำเนินคดีกับนายโก๊ะ
สำหรับ 3 คดีนี้ได้สอบสวนพยานเรียบร้อยแล้ว คงเหลือแจ้งข้อหาผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็ก แต่เนื่องจากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง และพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือยื่นต่อศาลเพื่อขอเบิกตัวมาในวันที่ 25 และ 26 ม.ค.นี้ เพื่อสอบสวนปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ ซึ่งจะต้องรอผลตรวจสอบประวัติและรายงานสืบเสาะจากสถานพินิจ
คดีที่ 3. คดีทำร้ายร่างกาย จำนวน 3 คดี ได้แก่ คดีที่ 70/2567 มีนายพลพันธุ์ อายุ 36 ปี เป็นผู้เสียหาย เป็นกรณีผู้เสียหายจำหน้าผู้กระทำความผิดไม่ได้ อยู่ระหว่างรอรายงานการสืบสวน , คดีที่ 67/2567 ทำร้ายร่างกายและเผารถ มีผู้กระทำความผิด 7 คน เป็นเด็กหรือเยาวชนจำนวน 4 คน และเป็นผู้ใหญ่ 3 คน รู้ชื่อและนามสกุลหมดแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยรายชื่อไม่ซ้ำซ้อนกับคดีของนายโก๊ะ และคดีชาวกัมพูชามาแจ้งความถูกกลุ่มวัยรุ่นปาสิ่งของใส่บ้านได้รับความเสียหาย ซึ่งยังไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดอยู่ระหว่างการสืบสวน
คดีที่ 4. คดีร่วมกันทำร้ายร่างกาย (ใช้มีดฟัน) ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้ต้องหาเป็นเด็ก 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.65 รายชื่อไม่ตรงกับกลุ่มนายโก๊ะ ซึ่งได้สอบสวนปากคำแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้รอผลใบชันสูตรพลิกศพจากโรงพยาบาล คดีที่5. คดีร่วมกันข่มขู่ให้ตกใจกลัวและพาอาวุธมีด โดยใช้ประทัดลูกบอลใส่หินห่อด้วยกระดาษขว้างลงพื้น และใช้มีดขูดพื้นถนนทำให้เกิดเสียงดัง ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน 2 คน เหตุเกิดท้องที่ สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ได้จัดทำประวัติผู้กระทำผิดไว้แล้ว รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง
คดีที่6. คดีร่วมกันทำร้ายร่างกาย มีผู้ต้องหา 7 คน เป็นผู้ใหญ่ 1 คน เป็นเด็กและเยาวชน 6 คน เหตุเกิดท้องที่ สภ.วัฒนานคร ซึ่งรู้ตัวหมดแล้วและได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาไปหมดแล้ว กำหนดมาพบในวันที่ 25 ม.ค.67 คดีที่ 7.ดำเนินคดีกับ ด.ต.ภิเศก ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐาน และส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้ว
คดีที่ 8. มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ปกครองของนายโก๊ะ กับพวก รวม 5 คดี ตามคดีที่32-66/2567 ซึ่งได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งตัวผู้ต้องหา พร้อมสำนวนไปอัยการศาลคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้วแล้ว ลงวันที่ 22 ม.ค.67
วันเดียวกัน ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พบข้อมูลว่ากลุ่มเยาวชนจังหวัดสระแก้วในคดีฆ่าป้าบัวผัน พบว่าไม่ได้มีแค่เยาวชนกลุ่มนี้ แต่มีผู้ใหญ่ที่ร่วมด้วย รวมถึงขออนุมัติหมายจับคนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งพยานหลักฐานในเรื่องดีเอ็นเออาจจะไม่มีแล้ว แต่เราจะใช้วิธีสอบพยาน และหารือกับอัยการในเรื่องของการสอบสวน
ทั้งนี้จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เราจะไล่คดีทั้งหมด และจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบก่อนวันที่ 26 ม.ค. และนอกจากกลุ่มดังกล่าวแล้ว ยังมีกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น กลุ่มน้ำไม่อาบ เราจะไล่ทั้งหมด พฤติกรรมแบบนี้จะไม่ให้มีในจังหวัดสระแก้ว รวมถึงจังหวัดต่างๆด้วย เราจะให้จังหวัดสระแก้วเป็นตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการบำบัดและอบรมต่างๆ ตนได้คุยกับอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก ซึ่งเด็กกลุ่มดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาทางสังคม มีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยจะแยกเด็กกลุ่มนี้ออกจากกัน ไม่ให้อยู่รวมกัน โดยขั้นตอนการอยู่น่าจะ 3 ปีขึ้นไป แม้เด็กจะไม่ใช้คำว่าจำคุก แต่การให้ไปอยู่สถานพินิจก็เหมือนการจำคุก