ตำรวจออกหมายจับชายชาวอินเดียก่อเหตุฆ่าหั่นศพแรงงานเมียนมา เตรียมประสานกองกลางต่างประเทศขอตำรวจสากลออกหมายแดงประสานทางการอินเดียตามจับตัวตามสนธิสัญญาข้ามแดน พร้อมเผยไทม์ไลน์การก่อเหตุ
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อม พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เรียกประชุมชุดคลีคลายคดีสองพี่น้อวชาวอินเดีย ร่วมกันฆ่าหั่นศพแรงงานชาวเมียนมาวัย 43 ปี และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ประชุมความคืบหน้าทางคดีที่สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงว่า การสอบปากคำพยานเพื่อนชาวเมียนมา 5 คน ให้การว่าผู่เสียชีวิตเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 มกราคม กับเพื่อนขาวเมียนมาร์ผ่านทางด่านชายแดนแม่สอด และไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนชาวเมียนมาภายในซอยสีลม 13 เพื่อรองานงานทำ โดยหนึ่งในเพื่อนชาวเมียนมาได้แนะนำให้รู้จักชาวอินเดีย เพื่อติดต่อให้หางานทำ และได้จ่ายเงินค่านายหน้าชาวอินเดียเป็นจำนวน 7,000 บาท แล้วได้เดินทางไปพักภายในซอยสะแกงาม 35/3 เขตบางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 15 มกราคม จนเมื่อวันที่ 19 มกราคม ปรากฏภาพชายชาวอินเดีย 2 คนมาที่บ้านพักหลังดังกล่าว ช่วงเวลา 13.00 น. พยานได้ให้การว่าชายชาวอินเดียสองคนเรียกผู้เสียชีวิตไปชั้นสาม และเกิดเสียงคล้ายคนทำทะเลาะวิวาทกัน ก่อนหนึ่งในชาวอินเดียลงมาบอกให้ลูกจ้างคนอื่นที่อยู่ในบ้านพักไปส่งที่บ้านพักย่านสีลม ก่อนย้อนกลับมาที่บ้านพักหลังเกิดเหตุอีกครั้งเวลา 16.00 น. ก่อนเวลา 17.31 น. ชายชาวอินเดียวทั้ง 2 คนออกไปห้างสรรพสินค้าและซื้อตู้แช่เย็นให้พนักงานของห้างสรรพสินค้ามาส่งที่บ้านพักหลังดังกล่าวด้วยค่าจ้าง 500 บาทในเวลาประมาณ 19.30 น.
ซึ่งตำรวจเชื่อว่าในช่วงเวลาที่มีชายชาวอินเดียพาลูกจ้างคนอื่นออกจากที่พักไป อาจจะเป็นช่วงเวลาก่อเหตุ และช่วงเวลาที่กลับจากห้างสรรพสินค้าเชื่อว่าเป็นช่วงลงมือหั่นศพเพื่ออำพรางก่อนทั้งคู่ขับรถออกจากบ้านหลังเกิดเหตุ ในเวลา 21.24 น. ไปจอดไว้แล้วเรียกแท็กซี่ทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดินทางออกนอกประเทศหลบหนีไปทันที
เบื้องต้นศาลอาญาธนบุรีได้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาชาวอินเดียทั้งสองคนในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเคลื่อนย้ายซ่อนเร้นอำพรางศพ ก่อนเตรียมสรุปสำนวนให้กับ กองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานตำรวจสากลออกหมายแดง พร้อมประสานไปอย่างทางการอินเดียดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคนมาดำเนินคดีตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยได้เดินทางเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการไทย ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
นอกจากนี้ยังประสานให้สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกในประเทศไทย ของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายโดยเบื้องต้นพบข้อมูลว่าเดินทางเข้าประเทศและมีการเปิดบริษัทร่วมกับคนไทยขายเครื่องเทศอินเดียและร้านอาหารอินเดีย แต่กิจการไปไม่รอด ก่อนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นและจากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ก่อเหตุทั้งสองคนเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลหาข้อเท็จจริงต่อไป