วันที่ 23 ม.ค.67 พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เปิดเผยว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวกับการนำเข้าซากสัตว์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประชุมโดยมีพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าประชุม พร้อมติดตามผลการดำเนินงานของทั้ง 3 กลุ่มคดี โดยวันนี้ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนได้มีมติให้ เชิญนายสัตวแพทย์ประจำโรงงานส่งออกไปจีนมาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับกระบวนการส่งออกตีนไก่ไปจีนในสัปดาห์หน้า โดยมีเป้าหมายทั้งหมด 4 โรงงาน แต่ละโรงงานจะมีนายสัตวแพทย์ประจำอยู่ 1-2 คน หลังจากนี้จะเชิญข้าราชการระดับผู้อำนวยการสำนักที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกตีนไก่มาให้ข้อมูล และขั้นตอนต่างๆ ส่วนจะเชิญข้าราชการจะมีอำนาจในการกำหนดนโยบายการส่งออกตีนไก่มาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษยังได้รับข้อมูลตู้ คอนเทนเนอร์บรรจุเนื้อสัตว์ที่ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบังในช่วงปี 2565 ที่ศุลกากรได้ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ 161 ตู้ ในกลุ่มคดีแรก แบ่งเป็นเนื้อหมู 16 ตู้ เนื้อและไก่ 74 ตู้ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่ง เบื้องต้นคาดว่า จะมีกลุ่มบริษัทชิปปิ้งนำเข้าใหม่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับความคืบหน้าใน 3 กลุ่มคดีก่อนหน้านี้นั้น กลุ่มแรก คือ คดีนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ ได้แยกการสอบสวนเป็น 10 สำนวน ส่ง ป.ป.ช.แล้วสามสำนวนอยู่ระหว่างดำเนินการ 7 สำนวน
ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ เนื้อหมู ที่ได้กระจายไปยังห้องเย็นต่างๆรวม 2,388 ตู้ ขณะนี้ได้ข้อมูลใบ B/L (Bill of lading) หรือ ใบตราส่งสินค้าทางเรือจากสายเรือมาแล้ว 1,400 ตู้ และจะนำมาตรวจสอบขยายผลต่อว่าชนิดสินค้าที่นำเข้ามาตรงกันหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่าในใบ B/L ระบุว่าเป็นสินค้าแช่แข็ง (frozen product) แต่เมื่อเปิดตู้พบว่าเป็นชิ้นส่วนเนื้อหมู โดยสำหรับการสืบสวนดำเนินคดี ในกลุ่มที่ 1 และ 2 นั้น ประเมินว่าได้ดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 60
ขณะที่กลุ่มคดีที่ 3 คือ คดีสวมสิทธิ์ตีนไก่นั้น ได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว 5 ราย เข้ามอบตัว 4 ราย อยู่ระหว่าง ติดตามตัว 1 ราย คือกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายของเฮียเก้าที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งเฮียเก้ารับปากว่าจะช่วยประสานให้ส่วนผลการสอบปากคำนายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย ผู้ต้องหา 2 นั้นสารภาพว่ามีการสวมสิทธิ์ตีนไก่จริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในสำนวนได้
สำหรับการสอบปากคำเฮียเก้า หรือ นายหลี่ เซิ่งเจียว หนึ่งในผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัววานนี้ ใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมง และให้การที่เกิดประโยชน์ต่อรูปคดี ทำให้เห็นภาพรวมการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปต่างประเทศ แต่รายละเอียดอื่นไม่สามารถเปิดเผยได้ และจะนัดหมายให้เฮียเก้าเข้ามาให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้งในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนเรื่องภาพถ่ายกับนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง หรือความสัมพันธ์กับบุคคลในสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชียคนอื่นๆนั้นไม่ขอให้การ ส่วนความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีรายหนึ่งนั้น เฮียเก้าให้ข้อมูลว่าบรรพบุรุษรุ่นปู่ของฝ่ายเฮียเก้าและอดีตรัฐมนตรีรายหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่ที่จีนจึงได้มาตามหากันที่ไทย ส่วนตัวเฮียเก้านั้นได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อ 28 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากมาท่องเที่ยว และเข้ามาหางานทำที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า จะมีการมาร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องการสวมสิทธิ์กุ้งนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานมา และยังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ พันตำรวจตรีณฐพลย้ำว่า การสืบสวนดำเนินการที่ผ่านมา ไม่ได้รับแรงกดดันหรือมีอุปสรรคปัญหาใดๆ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
#ดีอีเอส #ส่งออกตีนไก่