"นายกฯ" ยืนยันจัดประชุม"ครม.สัญจร" ทั่วทุกภาค พร้อมรับฟังเสียงคนระนองค้าน "แลนด์บริดจ์"  เผยไม่คิดปรับครม. ถ้าถึงเวลาจะแจ้งสื่อเอง การันตีพรรคร่วมฯทำงานดี บอกเตรียมพาเจ้าสัวรวมมิตรลงพื้นที่อีสาน-ใต้ ช่วยชาวบ้านขยายตลาดสินค้าโครงการพระราชดำริ ด้าน"ภูมิธรรม" วอนทุกฝ่ายใจกว้างยอมรับ "ดิจิทัลวอลเล็ต"  จวกปปช.อยู่ในโลกความเป็นจริง หยุดจินตนาการมี"ทุจริต"

    
 ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 กองทัพอากาศ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.67 เมื่อเวลา 09.40 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงวัตถุประสงค์เลือกจ.ระนองในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ว่า ครม. สัญจรนัดแรกไปภาคอีสานที่จ.หนองบัวลำภู ครั้งนี้เป็นภาคใต้ ครั้งต่อไปเป็นภาคเหนือ สลับสับเปลี่ยนกันไป จะต้องไปดูแลให้ทั่วถึง รับฟังปัญหาพร้อมชี้แจงโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งคนที่เห็นด้วยแล้วไม่เห็นด้วย เมื่อถามว่า จะมีโอกาสพูดคุยกับประชาชนเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าว สั้นๆว่า "น่าจะ" 
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวอาจจะมีประชาชนมาแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะการคัดค้าน โครงการแลนด์บริดจ์ เตรียมจะชี้แจงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องมีการชี้แจง เวลาเราลงพื้นที่ ก็มีคนมาร้องเรียน ขอใช้คำว่า ร้องเรียนทุกเรื่องอยู่แล้ว รัฐบาลมีหน้าที่ต้องรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาพืชผล หรือเรื่องอื่นๆ ก็ต้องรับฟังอยู่แล้ว  เมื่อถามว่า ยืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ ก็ต้องไปพูดคุย คิดว่ายังทำได้อีกในแง่ของการสื่อสาร และรับฟังความคิดเห็น 
    
 เมื่อถามว่า มีการมองกันว่ารัฐบาลพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ แต่กับคนในพื้นที่การสร้างความเชื่อมั่นค่อนข้างน้อย นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็รับฟัง แล้วก็เห็นอยู่ว่าตนเดินทางมาที่จ.เชียงใหม่ ดังนั้นการลงพื้นที่และการให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นการให้ความสำคัญสูงสุด เดี๋ยวจะเดินทางไปที่จ.ระนองในวันที่ 22 ม.ค. อีกทั้งยังมีตารางเดินทางไปอีกหลายจังหวัดไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่รัฐบาลพยายามทำงาน ทางการเมืองยังมีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะให้คำยืนยันหรือให้ความมั่นใจอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันมาตลอดเวลาว่าเรายังทำงานร่วมกันดีกับพรรคร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีทุกคนก็ทำงานหนักมาก ตรงนี้ขอให้ฟังจากตนคนเดียวก็แล้วกัน ถึงเวลาเมื่อไหร่จะบอกเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้วางไว้หรือไม่ว่า 6เดือนจะมีการประเมินผลการทำงานของ ครม. หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าทุกคนมีการประเมินผลตลอดเวลา เรามีการติชม เสนอแนะมาตลอด ไม่จำเป็นต้อง 6 เดือน 3 เดือน หรือ 1 ปี 
    
 เมื่อถามอีกว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหน ต้องการปรับรัฐมนตรีในส่วนของพรรคตัวเอง สามารถเสนอได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า รับฟังอยู่ตลอด แต่ตอนนี้เท่าที่ได้ยินมา ทุกท่านทำงาน ยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ซึ่งความเดือดร้อนของประชาชนทุกคนก็รู้อยู่ว่ามีเยอะอยู่แล้ว ขณะเดียวกันรัฐมนตรีหลายท่านก็ลงพื้นที่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็มาด้วยหลายคน แม้แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ก็มา และรัฐมนตรีบางท่านได้ลงไปในพื้นที่จ.ระนอง เพื่อเตรียมงานในพื้นที่แล้ว เพราะเวลาลงพื้นที่ประชุมครม.ต่างจังหวัด อยากรับฟังเรื่องที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน แต่แน่นอนเชื่อว่าคงต้องมีเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือ บ่นเยอะ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ก็ต้องรับฟังความเห็นของประชาชน อะไรที่ทำได้ก็ต้องพยายามทำออกไปให้ได้ 
    
 เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมืองอยากจะฝากอะไรเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี นอกจากต้องรับฟังความเห็นประชาชน ซึ่งเรื่องความเห็นเรื่องเสนอแนะ และความเดือดร้อนเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีทุกท่านให้ความสนใจ และต้องใส่ใจด้วย


 นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังนำนักธุรกิจลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เป็นครั้งแรกที่เรานำนักธุรกิจลงมา ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่สละเวลามาพูดคุยให้ความรู้กับนักธุรกิจรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อยที่เรียนกับหลักสูตรรวมมิตร เพราะเขาต้องสละเวลาที่ทำมาหากินมา ก็ต้องขอขอบคุณ พี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสกับผู้ประกอบการที่จะมาช่วยในระยะยาว  ซึ่งเราเน้นเรื่องความยั่งยืน เราไม่ได้อยากให้เขาแค่มาซื้อของไปแล้วก็จบ อยากให้เขาช่วยเปิดตลาดให้ กับสินค้าดีๆ หลายๆอย่าง และถ้าหากมีปัญหาอะไรเฉพาะกิจ ตนว่าหลายท่านก็ยินดี
    
 อย่างเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่มีชาวเขาที่ปลูกกาแฟและมีกาแฟเหลืออยู่เยอะมาก นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รับซื้อไปหมด ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ  จะได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน คนมีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้ ไม่มีไม่ต้องให้ เมื่อถามว่า จะต่อยอดไปในพื้นที่ภาคอื่นอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน อยากจะไปทำในทุกพื้นที่ทั้งภาคอีสานและภาคใต้ด้วย แต่หลักสูตรรวมมิตรมีปีละ 1 ครั้ง แต่ทั้งนี้ก็มีหลักสูตรเยอะทั้ง เช่น  วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)  สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) เยอะไปหมด ก็อยากให้ทุกคนช่วยๆกันมาทำอย่างนี้ ตนก็ยินดี เพราะตนเชื่อว่าหน่วยงานรัฐ กพร.ที่ดูแล ทั้งด้านโครงการพระราชดำริ ก็อยากจะเปิดให้โอกาสนักธุรกิจและนักเรียนที่รวมเรียนหลักสูตรเหล่านี้ มีส่วนร่วมในการได้พบปะกับประชาชน
   
  ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการประชุม ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.ที่จ.ระนอง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระจายตัวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้านโยบายของรัฐบาลและตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล ซึ่งจะเป็นโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจการใช้จ่ายในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้อย่างมาก ทั้งเรื่องโรงแรม ที่พัก จุดขายของฝาก แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ มั่นใจ จะทำให้เงินสะพัด ในช่วงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงรวมถึงสื่อมวลชนจะได้เข้ามาในพื้นที่ด้วย
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับตากลุ่มคัดค้านการสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ในช่วงที่นายกฯลงพื้นที่ครม.สัญจรด้วยนั้น จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือบรรยากาศที่ไม่ดีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ส่วนตัวมั่นใจ ว่านายกรัฐมนตรี รวมถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายทั้ง นักวิชาการ ส่วนท้องถิ่น ประชาชนและผู้ประกอบการ ถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเรื่องสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งคาดว่าจะเข้าพื้นที่ศึกษาได้ในเมษายน ปี 2567 รวมถึงต้องรับฟังภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความครบถ้วน รอบด้าน รอบคอบมากที่สุด ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนที่สนข.กำลังศึกษา
    
 "เชื่อว่ารัฐบาลมองในหลายมิติไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของการเป็นท่าเรือน้ำลึก ระหว่างฝั่งอ่าวไทย กับฝั่งอันดามันเท่านั้นเท่านั้น มองเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจระยะยาว การเป็นฮับโลจิสติกส์การเดินทางขนส่งสินค้า เชื่อมโลกเข้าด้วยกัน ซึ่งจำเป็นต้องผลักดันเป็นร่างพ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC เพื่อเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ ขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ และภาคใต้ ให้เป็นไปตามแผนการศึกษา ตามกรอบโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ เปิดให้บริการ ในปี 2573 ตนมั่นใจว่า แลนด์บริดจ์และSEC จะเปลี่ยนพื้นที่ภาคใต้ของไทยให้เป็นประตูการค้าสู่นานาชาติ ซึ่งจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นมหาศาลตามที่สนข.รายงาน" นายธนกร กล่าว
   
  ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านและส.ว.อาจนำประเด็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาอภิปรายซักฟอกรัฐบาล ว่า ในการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการถกเถียงกันว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่ความจริงแล้วคนที่สะท้อนเยอะที่สุด คือปัญญาชนที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ในด้านการเงินการคลัง ซึ่งตนอยากให้รู้ว่าโครงการนี้เอามาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และหากมองโครงการนี้ให้กว้างขวางและใจกว้างหน่อย มันเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นคนรวยหรือคนจน คิดว่าประชาชนทุกคนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ตรงนี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้วงจรทางเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ เราอยู่ในระบบทุนนิยม ต้องเป็นทุนนิยมที่เข้าใจมนุษย์ด้วย เห็นความสำคัญของมนุษย์ เห็นความเหลื่อมล้ำของคน ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
   
  นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่สำคัญเป็นการเรียนรู้ของประชาชนในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นการรับรู้สิ่งนี้คิดว่ามีแต่ประโยชน์ ส่วนที่จะวิจารณ์ก็ได้แต่อยากให้เริ่มต้นวิจารณ์จากเป้าหมายวัตถุประสงค์ ไม่ได้วิจารณ์จากจินตนาการ ของตัวเอง เชื่อว่ารัฐบาลพร้อมพูดได้ทุกเรื่อง เพราะมาจากเจตนารมณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่จากเจตนารมณ์ที่คิดไม่ดี
    
 "รัฐบาลได้แถลงนโยบายนี้ไว้ชัดเจนอยู่แล้วกับสภาฯ และเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงมา ถ้าเป็นประเทศอื่นในโลกประชาธิปไตยเขาให้ทำ ทำแล้วดีหากไม่ดีต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองคิดและทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ทันไรก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คิดว่ามันต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้และช่วยกันมอง หากวิจารณ์หรือวิเคราะห์ผิด จะทำให้ขาดโอกาสในการจะกู้วิกฤตของประเทศ" นายภูมิธรรม กล่าว
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยอมรับว่าโครงการนี้อาจจะใช้ไม่ทันในช่วงเดือน พ.ค. นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ที่กระบวนการตัดสินใจว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าหากจะเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ก็คงต้องเลื่อน แต่ถ้าถามเจตนารมณ์ของรัฐบาลตอนนี้ รัฐบาลก็ยังไม่อยากจะเลื่อน ยังยืนยันที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้จะเริ่มต้นทำเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับเวลา แต่ตอนนี้พยายามจะทำให้ได้ และดูจากเจตนารมณ์ของนายกฯ ชัดเจนว่าต้องเดินหน้าโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
   
  เมื่อถามว่า ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีผลทำให้โครงการนี้ต้องยกเลิกไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องถือว่า ป.ป.ช.ทำเกินอำนาจ หน้าที่ เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วว่าเป็นปัญหาอะไร แต่โครงการนี้ยังไม่ทันเกิดขึ้นเลย ก็ไปสรุปว่าจะมีการทุจริต มีข้อควรระวังเยอะแยะไปหมด ตนคิดว่าข้อควรระวังนั้นรับฟังได้ แต่จะถือเป็นข้อห้ามก็ไม่ใช่ ท่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าห้าม พูดเพียงสงสัยอย่างโน้น ให้ระวังอย่างนี้
    
   ผมอยากให้กลับมาอยู่ในโลกของความจริง ไม่ใช่โลกแห่งจินตนาการ จินตนาการว่าจะโกงกันมหาศาล ขอให้มาดูความจริงดีกว่า และการพยายามแก้ต้องคิดรูปแบบใหม่ๆ ทำแบบเดิม 10 กว่าปีมาแล้วก็อยู่ที่เดิม เศรษฐกิจก็ยังแย่อยู่จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอมาถึงรัฐบาลแล้ว เราพร้อมจะนำมาไตร่ตรองดู ก็ถือเป็นข้อพึงสังวร ไม่ใช่ข้อที่ต้องพึงปฏิบัติ" นายภูมิธรรม กล่าว
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ล้มเลิกโครงการนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จุดมุ่งหมายอยู่ที่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราเชื่อว่าวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจวิกฤต เรื่องนี้เถียงกันได้แต่ต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน