นายอัตรเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาฯ เปิดเผยว่าในการประชุมวันที่ 24 ม.ค. กมธ.จะพิจารณาเหตุการณ์ที่โรงงานผลิตพลุระเบิด ที่จ.สุพรรณบุรี โดยได้ เชิญ ผู้ว่าราชการสุพรรณบุรี, กรมการปกครอง, อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม,อธิบดีกรมคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ, เจ้ากรมอุตสาหกรรมทหาร เพื่อรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากการสืบหาสาเหตุการระเบิดที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันของภาครัฐ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อ กมธ. จะนำไปประกอบการพิจารณายกร่างแก้ไข พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างของการประกอบอุตสาหกรรมผลิตพลุขนาดเล็กที่กฎหมายไม่ครอบคลุมทำให้การควบคุมการผลิตรวมถึงการจำกัดของเสียไม่เป็นไปตามกฎหมาย
“จากกฎหมายโรงงานปัจจุบัน พบการกำหนดเงื่อนไข การขอใบอนุญาตที่ไม่ครอบคลุมโรงงานผลิตพลุขนาดเล็กที่มีกำลังผลิต 50 แรงม้า และมีแรงงานไม่มากกว่า 50 คน ทำให้รวมถึงแรงงานในโรงงานนั้นไม่ใช่ผู้มีความรู้ เป็นเพียงชาวบ้านทั่วไปที่ตำพลุเอง ซึ่งหากไม่แก้ไขกฎหมายจะทำให้เกิดการละเลยและเกิดเหตุซ้ำได้อีก ซึ่งการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จะทำในนามกรรมาธิการ และใช้เวลา 30- 60 วันก่อนเสนอเข้าสู่สภาฯ โดยจะทำงานคู่ขนานไปกับการยกร่างแก้ไขกฎหมายโรงงานของรัฐบาลด้วย” นายอัครเดช กล่าว
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่าสำหรับประเด็นที่ต้องการแก้ไขในกฎหมายโรงงาน จะมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การกำหนดเขตผังเมือง หรือ พื้นที่ ซึ่งอาจใช้รายละเอียดเดียวกันกับการผลิตยุทธภัณฑ์ของทหารที่มีการกำหนดเขตพื้นที่ เพราะในการผลิตพลุนั้น พบว่ามีการใช้สารเคมีที่ใช้ในการผลิตอาวุธยุทธภัณฑ์ของทหารด้วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของชุมชน จำเป็นต้องพิจารณา รวมถึงกระบวนการเก็บสารเคมี การผลิต และการกำจัดกากของเสียด้วย เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นได้รับผลกระทบ เช่น การนำกากของเสียทิ้งที่กองขยะทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ผู้เก็บขยะได้รับอันตรายจากการระเบิดได้ เป็นต้น.