วันที่ 20 ม.ค.67 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ที่สำนักงาน คณะกรรมการการป้องกันและการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ให้ความเห็นว่า แหล่งที่มาของเงินเปลี่ยนไปโดยการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า ตนทราบเพียงแต่ในข่าวเท่านั้น ซึ่ง กกต.ต้องทำไปตามกฎหมาย พร้อมกับระบุว่าก่อนหาเสียงโครงการลักษณะนี้มีกว่า 756 โครงการ งบประมาณรวม 70 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนั้นดูเพียงว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อย่างเช่นสัญญาว่าจะให้ หรือเข้าข่ายหลอกลวงหรือไม่ จริงหรือไม่
โดยจะพิจารณาจากการใช้งบประมาณแผ่นดินหรือไม่ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่จะทำหรือไม่ รวมไปถึงอยู่ในวิสัยที่จะทำหรือไม่ แต่ไม่ได้พิจารณาถึงว่าดีไม่ดี ซึ่งดีไม่ดีเป็นเรื่องของประชาชน เพราะพรรคให้ข้อมูลกับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้ว กกต. จะพิจารณาเพียงข้อกฎหมาย เมื่อผ่านการเลือกตั้งเข้ามา ข้อเสนอแนะที่ว่าไม่ตรงปก ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลมีโครงการที่หาเสียงไว้ บางครั้งก็ไม่ทำเลย บางครั้งก็ทำต่างจากที่หาเสียงไว้ ซึ่งกกต.ก็ต้องมาดูว่า กฎหมายให้เราทำได้แค่ไหน ต้องมาดูว่าการที่รัฐบาลทำเพียงบางส่วนของนโยบาย ไม่ทำเลย หรือไม่ตรงผิดกฎหมายหรือไม่ พร้อมย้ำว่า กกต.ไม่สามารถทำเกินกว่ากฎหมายได้
อย่างไรก็ตาม นายแสวง ระบุว่า ตนไม่สามารถตอบได้ ว่าทางแหล่งที่มาของเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ผิดจากที่หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ก่อนที่จะกล่าวย้ำว่า ในชั้นการพิจารณาของ กกต. จะพิจารณาเพียงการใช้เงินจากที่ใด แหล่งเงินมาจากไหน สิ่งที่ทำอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ แต่เมื่อมีคนมาร้องก็ต้องพิจารณาว่าอำนาจของ กกต. กฎหมายให้อำนาจแค่ไหน
เมื่อถามว่า กกต.จะส่งความเห็นไปยังรัฐบาลหรือไม่ นายแสวง ยืนยันว่า กกต.ไม่มีหน้าที่วินิจฉัย หรือให้ความเห็น ต้องมีข้อเท็จจริงทางกฎหมาย แล้วจึงจะวินิจฉัยไม่สามารถให้ความเห็นก่อนได้