ตลาดหลักทรัพย์ฯ กางแผนปี 67-69 วาง 3 แนวทางหนุนเชื่อมั่นตลาดทุนไทย-เพิ่มศักยภาพแข่งขัน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงแผนดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2567-2569 ว่า จะเน้นขับเคลื่อนเป้าหมายภายใต้แนวคิด สร้างตลาดทุนที่มีคุณภาพ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวทางพัฒนา 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านที่ 1 ยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน โดยเสริมสร้างคุณภาพและเครื่องมือในการปกป้องผู้ลงทุน และพัฒนาเครื่องมือในการวิเคราะห์และติดตามคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนและการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมจัดทำระบบ Financial Data Health Check และ Surveililance Prevention and Analytics (SPA) และร่วมมือกับพันธมิตร เช่น สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลตราสารหนี้ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อนำมาใช้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น รวมถึงยังมีแผนนำเทคโนโลยี Al มาใช้ในการตรวจจับข่าวปลอมหลอกนักลงทุนที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเตือนผู้ลงทุนผ่านทางช่องทางต่างๆของตลาดหลักทรัพย์ฯ และรายงานไปยัง Anti-Fake News Center ในการดำเนินการเตือนสาธารณชนต่อไป รวมถึงพัฒนาระบบแจ้งไปยังผู้ประกอบการสื่อโซเชียลมีเดียในการนำข่าวปลอมออกและปิดเพจปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อมากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567

ด้านที่ 2 เสริมศักยภาพการแข่งขัน เน้นเพิ่มความน่าสนใจดึงดูดการลงทุน สนับสนุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ /Target industries) เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพ และอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร พร้อมนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งบริษัทที่จะระดมทุนและบริษัทจดทะเบียน เช่น One Report และ Digital IPO System และสนุนการทำงานของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนา LiVE Platform ให้ผู้ประกอบการ SMEs / Startups สามารถเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ มีแผนเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม (More Choice) โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะของผู้ลงทุนรุ่นใหม่ เช่น Small Size Thai Share รวมถึงสภาวะตลาดเพื่อประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยง เช่น Inverse ETF เตรียมพร้อมขยายระยะเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์ ปรับปรุงการพัฒนาดัชนีใหม่ ๆ

ด้านที่ 3 สนับสนุนการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย 1.ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) มุ่งให้ความรู้แก่บริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ SET ESG Academy และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน ESG ผ่านโครงการ Climate Care Collaboration Platform และ SET Carbon ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจาก ESG Data Plattorm นอกจากนี้ ยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการยกระดับ SET ESG Assessment สู่มาตรฐานระดับโลก 2.ด้านสังคม (Social) มุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการที่เป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) และธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยเชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวสู่ LIVE Platorm ให้มากขึ้น รวมถึงการเผยแพร่ความรู้ด้านการลงทุนให้กับกลุ่ม Muli-jobber & Freelance และ 3.ด้านบรรษัทภิบาล (Governance) เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุนและการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม และสนับสนุนให้มีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน พร้อมพัฒนาองค์กรให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ส่วนข้อกังวลในการสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย และเรื่องการตรวจสอบ Naked Short Sell (การขายหุ้นโดยไม่มีในพอร์ตจริง) ซึ่งมีการกล่าวถึงผ่านสื่อต่าง ๆ ยืนยันว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พยายามแก้ไขป้องกันโดยการวางมาตรการกำกับดูแลทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่ก่อนเข้ามาจดทะเบียน และทำการซื้อขาย รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ให้นักลงทุนได้รับทราบมากขึ้น เพียงแต่ขณะนี้มาตรการต่าง ๆ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องการกำกับดูแลการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ฯให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง มีการตรวจสอบและติดตามสภาพการลงทุนตลอดวัน สามารถเห็นความเคลื่อนไหวทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างวันได้ทั้งหมด แต่ที่ผ่านมายังตรวจสอบไม่พบ Naked Short Sell หรือการกระทำความผิดตามที่มีการกล่าวถึง สิ่งสำคัญคือ จะป้องกันการชี้นำการลงทุนไปในทางที่ผิดอย่างไร แนวทางป้องกันในอนาคตคือ การให้ข้อมูลนักลงทุนที่รวดเร็ว ทันเวลา และรอบด้าน ซึ่งการให้ข้อมูลต่อนักลงทุนเป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหาการลงทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมด เช่น การฟ้องร้อง การทำผิดกฎหมาย ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลต่อนักลงทุนให้รอบด้านมากที่สุด นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนรายปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมนักลงทุนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความเข้าใจในการเริ่มลงทุนได้อีกด้วย