วันที่ 19 ม.ค.67 ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง ต่อเนื่องและเป็นไปตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 จึงให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับบัญชีม้าที่อยู่ในความรับผิดชอบ ในห้วงระหว่างวันที่ 18-24 ม.ค.67 นั้น
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.67 เวลาประมาณ 14.40 น. ผลการปฏิบัติโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์, พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.ฯ,, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกระแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 3 เจ้าหน้าที่สืบนครบาลสืบทราบแหล่งกบดานที่ผู้ต้องหา กำลังทำงานอย่างมีศาสตร์และศิลป์ที่ "ยอดพระเมรุ" จึงได้ตรวจสอบจนพบตัวผู้ต้องหาและร่วมกันจับกุม นายเจตน์ หรือ นายประทีป หรือ "หนูวังหิน" อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.407/2566 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ใน ความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" โดยจับได้ที่บริเวณ จุดก่อสร้างเมรุ ฯ ณ วัดสุวรรณภักดี หมู่ที่ 4 ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดตราด
จากการตรวจสอบหมายจับในฐานระบบมีหมายจับกุมอีก 2 หมาย ดังนี้ 1.หมายจับศาลอาญา ที่ 495/2565 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2565 ข้อหา 'ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง' (สน.พหลโยธิน) และ2.หมายจับศาลแขวงพิษณุโลก ที่359/2565 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ข้อหา 'เป็นตัวการร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและร่วมกันฉ้อโกง' (สภ.เมืองพิษณุโลก)
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวถึงพฤติการณ์ว่า จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การว่า เมื่อปี 2565 ตนเองได้มีคนมาชักชวนให้เปิดบัญชี โดยผู้ต้องหาแจ้งว่า คนที่ชักชวนเปิดบัญชี นั้น รู้จัก..แต่ไม่สนิทใจ" แต่คนชักชวนมาถึงยังท่ารถวินฯ ที่ตนขับอยู่ในระแวกนั้น ตนจึงยอมอ่อนใจเปิดให้ ผู้ต้องหายังให้การว่า คนที่มาชักชวนนั้น แจ้งว่านำไปรับเงินเว๊บพนัน ,คาสิโน ,สล๊อต และย้ำกับตนว่า 'ไม่อันตราย' ตนจึงเปิดให้ ผู้ต้องหายังให้การว่าช่วงปี2564-2565 ยังไม่มีข่าวในเรื่องกลุ่มบัญชีม้า ระบาดหนักแบบนี้ บัญชีที่เปิด มีดังนี้ ไทยพาณิชย์ ,กรุงไทย ,กสิกรไทย และ ธนชาต (ชื่อธนาคารในสมัยนั้น) รวมจำนวน 4บัญชีธนาคาร ธนาคารละ1หมายเลขบัญชี ตนได้รับเงินค่าจ้างทจำนวน 500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000 บาท โดยผู้ชักชวน นำโทรศัพท์มือถือมาให้ 1 เครื่องแล้วให้ตนไปเปิดบัญชีที่ธนาคารให้ พร้อมยื่นเงินให้ตนสำหรับค่าดำเนินการหนึ่งพันบาทสำหรับ4บัญชีดังกล่าว ไม่ว่าจะATM,สมุดบัญชี,รหัสผ่านหน้าตู้ หรือแม้แต่อีเมลล์ ตนให้การยอมรับสารภาพว่าได้มอบให้ผู้ชักชวนเปิดบัญชีจริงด้วยตนเอง จากนั้นตนก็ถูกผู้ชักชวนบล็อคการติดต่อในทุกๆช่องทาง
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า เดิมตนพักอาศัยที่ลาดพร้าว พอมีหมายเรียกไปยังที่อยู่บัตรประชาชน ตนก็ไม่ได้ไปตามหมายเรียก จนเจ้าหน้าที่ออกหมายจับส่งไปยังบ้านในท้องที่บางบัวทอง นนทบุรี เมื่อภรรยาทราบว่ามีหมายจับ ก็ต่อว่าตนทันที ตนจึงหนีไปพักอาศัยในเขตลาดปลาเค้า กรุงเทพฯ จากนั้นเป็นเวลาร่วมปีที่ตนทำงานรับจ้างทั่วไป เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เดินทางไปมาทำงานอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ อย่างทุกข์และกังวลใจ
จากนั้นในช่วงปลายปี 2566 จึงหลบหนีและมาพักอาศัยหางานทำ ยังพื้นที่ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด เพื่อเป็นช่างปั้นงานศิลป์ตามวัดในชุมชน หวังให้การบำเพ็ญสร้างศิลปะเหล่านี้จะช่วยบรรเทาโทษ ให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญ ที่ตนรับจ้างต่อเติม'พระเมรุ' ให้ตนรอดจากสายตาเจ้าหน้าที่ชุดสืบจับกุมฯ โดยผู้ต้องหายังให้การยอมรับว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้ ที่ตนออกจากบ้านพักมาทำงาน ตนใจคอไม่ดี รู้สึกวันนี้มีใจสั่นๆ เมื่อเห็นชุดเจ้าหน้าที่ลงมาจากรถ จึงอุทานว่า "เกมส์แล้ว"
จากนั้นชุดสืบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหา ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป