ตำรวจทำคดีกลุ่ม 5 เยาวชน ฆ่าป้ากบที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เรียกผู้ปกครองมาสอบสวน มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ห้ามปรามเด็กในปกครองหรือไม่ หากพบมีส่วนรู้เห็น จะถูกดำเนินคดีตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

วันที่ 18 ม.ค.67 ตลอดทั้งวันนี้ ทีมสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เรียกผู้ปกครองเยาวชนทั้ง 5 คนที่ร่วมกันก่อเหตุฆ่านางสาวบัวผัน หรือ ป้ากบ มาทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่ห้องรักษ์วินัย (ชั้น 2) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว โดยประเด็นหลักๆในวันนี้ ตำรวจเรียกผู้ปกครองมาสอบปากคำ มีการปล่อยปละละเลยลูกหลาน หรือ มีส่วนรู้เห็นที่ลูกหลานออกไปกระทำผิดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีส่วนรู้เห็น จะมีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

ขณะเดียวกัน อาของเด็กชายโก๊ะ ได้ออกมาพูดคุยกับสื่อว่า เวลาหลานชายออกไปก่อเหตุนั้น ทางครอบครัวไม่มีใครรู้เรื่องเลย บางครั้งหลานจะหลบหนีออกจากบ้านไปเพื่อมั่วสุมกับกลุ่มเพื่อนๆ จนกระทั่ง ครอบครัวรู้เรื่องว่าหลานชายออกไปก่อเหตุมาแล้วจากการเห็นข่าวตามสื่อโซเชียล

ขณะเดียว พลตำรวจโท สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อควบคุมการสอบสวนทั้งหมดด้วยตัวเอง ก่อนจะเปิดห้องพูดคุยกับสื่อว่า อยากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้รอบด้าน  โดยเฉพาะประเด็นการใช้ถุงคลุมหัว ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอย่างแน่นอน

มีรายงานว่า วันนี้ทีมสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 2 จะทำการสอบสวนผู้ปกครองเด็ก รวมถึงกระบวนการทำงานของตำรวจภูธรอรัญประเทศมีความบกพร่องหรือไม่ ล่าสุด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว มีคำสั่งย้ายพันตำรวจเอกพิเชษฐ์ ศรีจันตรา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ไปประจำที่ศูนย์ปฎิบัติการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ลงนามโดยพลตำรวจตรีออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ไม่มีกำหนด

สื่อข่าวรายงาน พลตำรวจโทสมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มีคำสั่งไปยังพลตำรสจตรี ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ให้มีคำสั่งให้พันตำรวจเอกพิเชษฐ์ ศรีจันตรา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว จนกว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้น โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม

ด้าน พลตำรวจโท สมประสงค์ ให้เหตุผลถึงการสั่งย้ายผู้กำกับ สภ.อรัญประเทศ พบว่าจากการตอบคำถามผู้บังคับบัญชาหรือให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนและยังเกิดความล่าช้าส่งผลกระทบต่อคดีและความเชื่อมั่นของประชาชน ดังนั้นจึงให้ผู้ที่มีความชำนาญระดับจังหวัดลงพื้นที่ทำหน้าที่ดังกล่าวแทน โดยระหว่างนี้แต่งตั้งให้พันตำรวจเอก เอกอนันต์ หูแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รักษาราชการแทนไปก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการทรมานลุงเปี๊ยกระวังการสอบปากคำว่าจริงหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อสังคม โดยกำหนดกรอบเวลาภายใน 3 วัน

"ส่วนการเรียกสอบปากคำผู้ปกครองของกลุ่มเด็กผู้ก่อเหตุเป็นไปตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งปัจจุบันหากเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิดจะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ปกครองด้วย ถ้าผู้ปกครองมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยต้องรับผิดตามกฎหมาย โดยมี 5 หน่วยงานหรือ สหวิชาชีพร่วมพิจารณาสำหรับกรณีคลิปเสียงการทรมานลุงเปี๊ยก เพื่อให้รับสารภาพเป็นคุณค่าป้าบัวผัน โดยการใช้โซ่ล่ามและใช้ถุงดำคลุมศีรษะนั้น ได้เริ่มกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยเริ่มต้นจากการสอบปากคำเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิปที่มีตำแหน่งเป็นรองผู้กำกับสืบสวน สภ.อรัญประเทศ และตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างถึงว่าเป็นคนใช้ถุงดำวางบนศีรษะของลุงเปี๊ยก ส่วนเจ้าหน้าที่มูลนิธิหนึ่ง  ก็ต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำด้วย เพราะเป็นเจ้าของคลิปเสียงและเป็นต้นทางของข้อมูลทั้งหมด

ส่วนกรณีลุงเปี๊ยกตอนนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งจังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอาการพิษสุราเรื้อรัง โดยจะมีคณะทำงานไปสอบปากคำลุงเปี๊ยกด้วย แต่จะเป็นวันไหนขึ้นอยู่กับความพร้อมของลุงเปี๊ยก ซึ่งทั้งหมดต้องรอคณะกรรมการสอบสวนสรุปความชัดเจนอีกครั้ง หากพบมีการทรมานลุงเปี๊ยกจริงจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาตามกฎหมาย "อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบคลิปการสอบปากคำลุงเปี๊ยก ยังไม่พบภาพการใช้ถุงดำวางหรือคลุมศีรษะลุงเปี๊ยกหรือการทรมานด้วยวิธีอื่นใด แต่จะเกิดเหตุที่อื่นหรือไม่จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง " ขณะที่ล่าสุดมีผู้เสียหายที่เคยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้ายป้าบัวผัน ถูกทำร้ายร่างการ เผารถจักรยานยนต์ ล่วงละเมิดทางเพศ ร่วมถึงกระทำการอนาจาร

ด้าน พลตำรวจโท สมประสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคคลเข้ามาแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศแล้ว 4 คน หลังจากนี้ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดูพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ส่วนบุคคลใดที่เคยถูกกลุ่มนี้กระทำให้รับบาดเจ็บ หรือได้รับความเสียหายให้เข้ามาแจ้งความกับตำรวจ ยืนยันตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมขอให้เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของตำรวจ หากไม่ไว้ใจตำรวจในพื้นที่สามารถเข้ามาร้องทุกข์ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วได้

" ส่วนกรณียังมีบุคคลถูกกล่าวอ้างว่าเป็นกลุ่ม "ตังค์ไม่ออก"ตระเวนก่อเหตุในพื้นที่นั้น ได้สั่งให้ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิด รวมถึงวางแผนป้องกันเหตุการกวาดล้างกลุ่มบุคคลเหล่านี้แล้ว เพื่อเข้าตรวจสอบและตรวจค้นในอนาคต ใครที่โดนข่มขู่ขอให้บอกข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจพร้อมที่จะให้การคุมครองความปลอดภัย ทั้งจัดสายตรวจลงพื้นที่เฝ้าระวัง และอาจจะถึงขั้นจัดหาที่พักให้ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลหรือพยานที่มา ว่ามีความเสี่ยงอันตรายมากน้อยขนาดไหน" จากข้อมูลการสืบสวนขณะนี้ ทราบว่ากลุ่มบุคคล"ตังค์ไม่ออก" มีสมาชิกกว่า 20 คน มีบุคคลที่อายุมากที่สุดคือ 30 ปี ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างสืบทราบตัวบุคคล และจะเชิญผู้ปกครองเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อซักถามถึงพฤติกรรมของบุตรหลาน นอกจากนี้ยังพบว่าในพื้นที่มีกลุ่มวัยรุ่นอีกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสมาชิกไม่เท่ากัน ซึ่งตำรวจจะเฝ้าระวังไม่ให้กลุ่มเหล่านี้ออกตระเวณก่อเหตุหรือก่อกวนสร้างความรำคาญให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วได้อีก