วันที่ 18 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส โฆษกพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย สส.ของพรรค แถลงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้นำคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิจารณายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยุบพรรคประชาชาติ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งและพรรคการเมือง มาตรา 92 (2) เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้เกี่ยวข้อง ว่า ตนและพรรคไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของนายเรืองไกร ว่ามีจุดประสงค์ใด เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งมานานหลายเดือนแล้ว แต่การยื่นคำร้องในช่วงนี้ ซึ่งเมื่อพิจารณาหนังสือแล้ว ก็เลื่อนลอย อาจจะต้องการให้เป็นประเด็นสื่อสารทางสาธารณะหรือไม่ ก็ไม่ทราบ เพราะการขอให้มีการดำเนินคดีกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคในขณะนั้น และพ.ต.อ.ทวี สอดส่องรมว.ยุติธรรม เลขาธิการพรรคในขณะนั้น ตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองที่นายไกรได้อ้าง ซึ่งได้ยกคำร้อง กรณีผู้สมัคร จ.สงขลา และจ.สตูล ของพรรค ไม่ถือว่าผู้สมัคร เพราะในการเลือกตั้งปี 2562 กกต.จ.สงขลาได้มีหนังสือให้ผู้สมัครทั้งสองของพรรคหมดวาระ ไม่สามารถส่งผู้สมัครได้
โฆษกประชาชาติ กล่าวต่อว่า ในคำสั่งของศาลฎีกาไม่ได้วินิจฉัยหรือระบุอะไร ว่าพรรคประชาชาติกระทำความผิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีข้อความตอนหนึ่งตอนใด ว่าการที่ผู้แทนจังหวัดหมดวาระ แล้วส่งผู้สมัครไป เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ตามที่นายเรืองไกรอ้าง และในส่วนที่นายเรืองไกรขอให้ดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องนั้น ก็ไม่เข้าข่ายให้มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามที่นายเรืองไกรอ้าง เพราะศาลวินิจฉัยแล้ว ไม่ถือว่าการส่งผู้สมัคร มีผู้สมัคร
“ข้อกล่าวอ้างของเรืองไกรทั้งหมดเป็นคำบิดเบือน นอกเหนือข้อเท็จจริงและคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีการเมือง มีวัตถุประสงค์ใด ผมและพรรคไม่ทราบ แต่หากการกระทำของนายเรืองไกรทำให้พรรคเสียหาย ทางพรรคยืนยันที่จะต้องรักษาสิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป และหวังว่า กกต.จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับพรรคประชาชาติ และวินิจฉัยภายใต้คำสั่งศาลฎีกา ซึ่งเป็นการวินิจฉัยตามข้อเท็จจริง นอกเหนือจากการที่นายเรืองไกรได้กล่าวอ้าง“ นายกมลศักดิ์ กล่าว