วันที่ 18 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สุกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ พ้นความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทางพรรคก้าวไกลจะไปยื่นร้องจริยธรรมและไปถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า ในการเตรียมการเร่งรัดด้านรายละเอียดในตอนนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย เรื่องยังค้างอยู่ที่ป.ป.ช.คงต้องเร่งรัดให้พิจารณาเรื่องนี้ และยังได้ยื่นในความผิดฐานในการยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของป.ป.ช.ที่จะต้องเร่งดำเนินไต่สวน เรียกหลักฐานต่าง ๆมาพิจารณาต่อไป

“ส่วนการยื่นจริยธรรมในการยุบพรรค จุดยืนของพรรคก้าวไกลเราเชื่อว่าไม่มีองค์กรใดที่จะมาตัดสินประหารชีวิตของบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ๆ เพราะอำนาจควรเป็นของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง ในการที่จะเลือกบุคคล หรือพรรคการเมืองนั้นให้ดำรงอยู่หรือไม่ อยู่ที่ประชาชนเป็นคนเลือกเท่านั้น ไม่ใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะมาตัดสิน”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่าจะเป็นบรรทัดฐานในการยื่นยุบพรรคหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นจุดยืนของพรรคก้าวไกลมากกว่า เพราะพรรคเคยถูกระทำแบบนี้มาบ่อย ๆ แต่ถ้าเรายืนอยู่ในจุดยืนเดิม เราก็จะไม่เข้าไปสู่ด้านมืด เราไม่จำเป็นจะต้องทำแบบที่คนอื่นทำ ถ้าเรายืนยันยึดมั่นในหลักการ ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญในการทำงานการเมือง

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวยืนยันว่า เราต้องทำงานตรวจสอบภายใต้หลักการที่ถูกต้อง ส่วนเรื่องการยื่นยุบพรรคไม่เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลเด็ดขาด แต่ก็ย้ำว่าเฉพาะกรณีนี้ยังมีเรื่องต่อเนื่องอีกหลายส่วน ยังมีเรื่องบัญชีทรัพย์สินที่เป็นเท็จ และเรื่องที่นำบริษัทของตัวเองมาเป็นคู่สัญญากับรัฐ ซึ่งยังเป็นประเด็นต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องการยุบพรรคอย่างเดียว

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลกังวลเรื่องคดียุบพรรคของตัวเอง จึงไม่ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่  นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันแน่นอน เพราะคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.นี้ไม่ใช่คำร้องให้ยุบพรรค แต่เป็นคำร้องเพื่อให้ยุติการกระทำตามที่กล่าวหา ดังนั้นในวันที่ 31 ม.ค.จึงไม่มีเรื่องการยุบพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อถามย้ำว่ายังมั่นใจว่าการตัดสินในวันที่ 31 ม.ค.ไม่มีการยุบพรรค หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ส่งผล และคิดว่าพรรคก้าวไกลเราต่อสู้มาคดีมาเต็มที่ ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่ได้กังวล พร้อมรอฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองทั้งในวันที่ 24 ม.ค.คดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และวันที่ 31 ม.ค. หากไม่ติดโหวตวาระสำคัญในการประชุมสภาฯก็จะไปรวมด้วย