เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 18 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับกลุ่มเยาวชนกรณีรุมทำร้ายป้าบัวผัน จนเสียชีวิตว่า วันนี้ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการให้โอกาสเด็กที่บางครั้งการกระทำบางอย่างของเด็กทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ยังมีการอำพรางศพด้วย เรื่องนี้บางครั้งเราไม่สามารถใช้ข้อกฎหมายตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตามพี่น้องประชาชนขอให้แก้กฎหมาย เรื่องกฎหมายคุ้มครองเด็ก แต่ตนอยากจะบอกว่า หลักใหญ่ใจความของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก คือต้องการให้โอกาสเด็กที่กระทำผิดโดยไม่ตั้งใจ ไม่อยากให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ซึ่งสามารถให้ได้กับเด็กที่ไม่ได้กระทำความผิดโดยรุนแรง
นายณัฐชา มองว่า ครั้งนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะฉะนั้นอัยการในคดีนี้ สามารถร้องขอต่อศาลได้ว่าจะต้องพิจารณาคดีในรูปแบบพิเศษ คือให้เด็กกลุ่มนี้ถูกพิจารณาคดีเทียบเท่าอัตราของผู้ใหญ่ โดยมีเหตุผลว่ามีการกระทำที่ซ้ำซากจากวันที่เป็นข่าวจนถึงวันนี้มีผู้เสียหายออกมาเปิดเผยความจริงอีกมากมาย แต่ละคดีที่เปิดเผยก็เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นในส่วนกฎหมายก็ยังอยากให้คุ้มครองเด็กกลุ่มอื่นอยู่
“อัยการมีอำนาจในการร้องขอต่อศาลได้ในเคสแบบนี้ ซึ่งมีการกระทำความผิดที่ซ้ำซากด้วย เราอาจจะต้องไปยกเคสต่างๆที่ตอนนี้กำลังมีผู้เสียหาย ทยอยออกมาให้ข้อมูล” นายณัฐชา กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าโทษจะเหมือนผู้ใหญ่เลยหรือไม่นายณัฐชา กล่าวว่า ใช่ โทษจะหนักขึ้น และศาลสามารถจะพิจารณาได้ว่าในการกระทำครั้งนี้มีเหตุก่อนหน้าเกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งการกระทำไม่ได้เกิดจากการพลาดพลั้ง เป็นการกระทำที่คุ้นชินกับการทำความผิดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เป็นการกระทำที่ไม่ตั้งใจแต่เป็นเหตุที่ตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะคนใกล้ชิดที่เคยช่วยเหลือกันมาหลายครั้ง ทำให้เด็กกลุ่มนี้คุ้นเคยกับการกระทำความผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการชี้แจงว่าการคลุมถุงดำลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผัน เป็นแค่การหยอกล้อนั้น นายณัฐชา กล่าวว่า วันนี้ความศรัทธาของพี่น้องประชาชน ที่มีต่อองค์กรตำรวจเสื่อมถอยและเสื่อมคลายลงเยอะมาก การที่ตำรวจพยายามบอกว่าเป็นการกระทำหยอกล้อ หรือล้อเล่นในการตัดสินคดีที่มีความเป็นความตายอยู่ด้วย ตนคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
“ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรต้องออกมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของท่าน ที่กระทำไปแล้วมาบอกว่าหยอกล้อกันในคดีที่มีผู้เสียหายจนถึงชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้หลายครอบครัวต้องตกระกำลำบาก และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ออกมาพูดแบบนี้ ผมว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวย้ำว่า สังคมมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เมื่อมีการกระทำความผิดโดยลูกหลานเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีชื่อเสียงทางสังคมก็จะมีการนำแพะมารับบาป ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรียกความเชื่อมั่นในสังคมขึ้นมาให้ได้
ส่วนที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ด้วยตัวเองจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นคืนมาได้หรือไม่นั้น นายณัฐชา กล่าวว่า วันนี้เลยคดีฆ่าคนตายมาแล้ว ดังนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรลงมาด้วยตัวเองและประกาศว่าคดีนี้ไม่ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครจะต้องได้รับความเป็นธรรม
ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับปากว่าจะปรับ กฎหมายคำว่าเยาวชนจากคำว่า 15 ปีเหลือ 12 ปี นายณัฐชา กล่าวว่า ในช่วงบ่ายจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าวในกมธ. ยอมรับว่าอยากให้แยกเป็นรายกรณี ทั้งนี้ ตนได้พูดคุย กับกมธ.ตำรวจ ว่าในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปตรวจสอบและพูดคุยกับนายเปี๊ยก เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่