วันที่ 18 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเยาวชนรุมทำร้ายร่างกายน.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ จนเสียชีวิต ทางกมธ.จะมีการตรวจสอบอย่างไรว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนได้สอบถามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถึงข้อเท็จจริงทราบว่าเยาวชนทั้ง 5 คนนั้น มี 2 คนเป็นลูกชายของตำรวจ ในส่วนข้อเท็จจริงนั้นเยาวชนทั้ง 5 คน ได้กระทำความผิดจริง แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแจ้งจับลุงเปี๊ยก ซึ่งเป็นสามีของป้ากบ เราก็ได้ข้อสงสัยว่า ทำไมฝ่ายสืบสวนของสภ.อรัญประเทศ ไม่ได้ทำการไล่ดูกล้องวงจรปิดให้ถูกต้อง
นายชัยชนะ กล่าวว่า เดิมทีตำรวจชั้นสอบสวนเชื่อว่าลุงเปี๊ยก เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนมีการนำตัวไปซ้อมตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่นั้น ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเข้าไปเยี่ยมลุงเปี๊ยก ที่ศูนย์บำบัดของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ปทุมธานี ซึ่งตนจะรอฟังข้อเท็จจริง หากไม่กระจ่าง ก็จะประสานงานกับกมธ.การสวัสดิการสังคม เพื่อไปเจอกับลุงเปี๊ยกโดยตรง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่คลิปที่มีการออกมาชี้แจงว่าคลิปที่ซ้อมลุงเปี๊ยกเป็นเพียงแค่การหยอกล้อ สามารถฟังขึ้นหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้นจะเห็นได้ว่ารองผู้กำกับสืบสวนและสอบสวน โดนย้ายไปช่วยราชการแล้ว 1 คน และการทำร้ายผู้ต้องหานั้น เรามีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)อุ้มหาย ป้องกันอยู่แล้ว ดังนั้น ตำรวจทำถึงขั้นนั้นไม่ได้ หากใครทำก็ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากผิดจริงต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น
เมื่อถามว่า การประชุมกมธ.วันนี้ จะมีการหารือเรื่องนี้เป็นวาระพิเศษหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เป็นวาระเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ หากเรื่องต่างๆยังไม่ชัดเจน เราก็จะลงพื้นที่อีกที และหากการสอบสวนของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ในวันนี้ หากได้ข้อเท็จจริงเราก็ไม่ต้องลงพื้นที่ แต่เบื้องต้นตนได้ไปพูดคุยกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.สวัสดิการฯ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะลงพื้นที่ไปพบกับลุงเปี๊ยก
เมื่อถามว่า มองว่ากรณีนี้ใครควรได้รับโทษ นายชัยชนะ กล่าวว่า ชั้นพนักงานสืบสวนสอบสวนต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะในเรื่องการออกหมายจับบุคคลที่เป็นแพะ และเข้าไปรับโทษมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาด และต้องไปมองว่าตำรวจช่วยตำรวจหรือไม่ เพราะ 2 คนที่กระทำความผิดเป็นลูกตำรวจ และทำไมถึงไม่ออกหมายจับตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งนี้ สิ่งที่น่ากังวลในอนาคตคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 73 และ 75 ค่อนข้างเขียนช่วยเยาวชนไว้ชัดเจน หรือในมาตรา 74 ที่ระบุว่าหากผู้กระทำความผิดอายุไม่เกิน 14-15 ปี ก็ให้ศาลเป็นดุลยพินิจ ตนจึงกังวลเรื่องนี้มากที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีมีการเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายเรื่องการลงโทษเด็กและเยาวชน ให้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ นายชัยชนะ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าเรียกร้อง เราต้องเอาข้อเท็จจริงและปัญหาของสังคม นำเสนอเพื่อแก้ไขกฎหมายดีกว่า แต่เมื่อดูจากแชทกลุ่มไลน์ของกลุ่มเยาวชนที่หลุดออกมา เห็นว่าพฤติกรรมรุนแรงมากและเป็นขบวนการ ถ้ากฎหมายเปิดช่องในวันข้างหน้าหากมีเยาวชนเป็นเครื่องมือผ่านยาเสพติด ก็คิดว่าจะเกิดเหตุอาชญากรรมกับเยาวชนมากขึ้น นอกจากนี้กลุ่มเยาวชนก็ยอมรับแล้วว่าที่กระทำความผิดเพราะได้ดื่มน้ำกระท่อม ซึ่งถ้าดื่มอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหาแต่ยังมีทั้งยาไอซ์ ยาเสพติด จึงเป็นปัญหา ดังนั้น ตนจึงมีความกังวลเรื่องช่องว่างของกฎหมาย
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วต้องมีการเยียวยาลุงเปี๊ยกหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ถ้ามีการทำร้ายร่างกายและบังคับขู่เข็ญจริง นอกจากการเยียวยาแล้วก็ต้องมีการลงโทษตามกฎหมาย หากสังคมนี้มีคนไม่ได้ทำผิดแต่โดนขู่เข็ญให้ยอมรับ และนำตัวไปทำแผน สังคมนี้ก็อยู่ไม่ได้ ยิ่งเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจอย่างนี้ ถ้าเขาคาดหวังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ สังคมจะคาดหวังกับใคร