คปท.บุกยื่น ป.ป.ช.ทวงถามตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้าราชการผิด 157 ปม "ทักษิณ" นอนรพ.ตำรวจ  

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ   เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล   นายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำ  คปท. ไปยื่นหนังสือต่อนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.    เพื่อขอหารือและติดตามขอทราบความคืบหน้าต่อการร้องเรียนเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566   จากกรณีที่ขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งคณะทำงานขึ้นมาไต่สวนข้าราชการที่เกี่ยวข้อง    ทั้งอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์    รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์   ปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และนายแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์  ว่าเหตุใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   ที่โรงพยาบาลตำรวจ  ว่า  ป.ป.ช.มีการดำเนินการคืบหน้าไปอย่างไรบ้าง   หรือมีการตั้งคณะไต่สวนเบื้องต้น   หรือกำหนดประเด็นการไต่สวนอย่างไร พร้อม ทั้งขอให้เร่งดำเนินการทางคดีอย่างเร่งด่วน

พร้อมกันนี้ มายื่นเพิ่มเติมในวันนี้เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนดำเนินคดีกับนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่   เนื่องจากไม่เร่งนำตัวผู้ต้องขังกลับเรือนจำ    หรือร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ด้วยการขยายเวลารักษาตัวนอกเรือนจำของนักโทษเด็ดขาด   นายทักษิณ ชินวัตร    ทั้งที่เป็นเพียงการเฝ้าระวังอาการ    ซึ่งไม่มีเหตุผลและระเบียบให้นอนรักษาตัวต่อนอกเรือนจำ  โดยมีนาย นิวัติไชย เกษมมงคล   เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.มารับหนังสือ

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือกว่า 20 นาที นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิ การป.ป.ช.  ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า   ว่านับตั้งแต่รับเรื่องดังกล่าวมา ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาร้องเรียนด้วยเช่นเดียวกัน    ทาง ป.ป.ช. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และทำตามกระบวนการตามขั้นตอน โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจรับ  และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ     ซึ่ง ป.ป.ช. ได้มีหนังสือไปถึงหลายหน่วยงาน เช่น กรมราชทัณฑ์   เรือนจำและโรงพยาบาลตำรวจ    เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำประกอบการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้   และบางหน่วยงานก็ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกลับมาแล้ว

สำหรับกรอบเวลาดำเนินการจะอยู่ที่ 180 วัน แต่โดยหลักแล้ว   ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่กรอบระยะเวลา เป็นเพียงกรอบเร่งรัดของเจ้าหน้าที่    เพราะเรื่องนี้จะต้องนำข้อเท็จจริงมาตรวจสอบก่อน ว่ามีหลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา และกฎระเบียบ    ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเชิญหน่วยงาน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำ หากได้ข้อสรุปว่าจะมีการชี้มูลความผิดหรือไม่ จะรายงานให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ด้านนายพิชิต    กล่าวว่า การหารือในวันนี้ได้พูดถึง 2 เรื่องที่ได้มีการยื่นไป    โดยเรื่องแรกก็ได้รับคำชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง     ส่วนเรื่องที่ 2 ที่ร้องกล่าวโทษอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน ในประเด็นการรักษาตัวของนายทักษิณ 120 วัน และการขยายเวลาการนอนรักษาตัว โดยอ้างเหตุการเฝ้าระวัง    ซึ่งการเฝ้าระวังไม่ได้อยู่ในระเบียบของการนอนรักษาตัวนอกเรือนจำ ดังนั้น การทำในลักษณะดังกล่าว อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะที่นายนัสเซอร์    กล่าวถึงการรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชน 20,000 รายชื่อ   เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาตรวจสอบก่อนยื่นเรื่องต่อประธานศาลฏีกา    เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำงานของ ป.ป.ช. นั้น    ตอนนี้ยังคงดำเนินการอยู่ และภารกิจที่จะไปตามพื้นที่ต่างจังหวัดยังคงเหมือนเดิม

ส่วนการรวบรวมเสียง 1 ใน 5 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ 150 คน เพื่อเสนอประธานรัฐสภา ประธานฯ   ยื่นเรื่องต่อประธานศาลฎีกา เพื่อให้ตั้งคณะทำงานการไต่สวนของป.ป.ช. นั้น นายนัสเซอร์ ระบุว่า เรากำลังประสานไปยังพรรคฝ่ายค้าน และผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงของการหารือกับคนที่ประสานงาน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ ว่าจะสามารถรวบรวมได้ถึง 2 หมื่นรายชื่อตามเป้าหมาย นายนัสเซอร์ กล่าวว่า จะถึงเป้าหรือไม่   มันจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าประชาชนจะร่วมรักษา และยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยให้ดำรงอยู่หรือไม่