รายงานข่าว 15 มกราคม 2567 สมศักดิ์
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงพื้นที่ดูแลการสอบสวนเยาวชน 5 คนที่ร่วมกันฆ่าสาวใหญ่สติไม่ดีวัย 47 ปี ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ยืนยัน จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยจะไม่มีการช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาแต่อย่างใด หลังกระแสในสื่อโซเชียล ต้องข้อสงสัยการจับกุมผู้ต้องหาผิดตัว ขณะเดียวกัน ตำรวจภูธรสระแก้ว ได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจนายหนึ่ง (พ่อของหนึ่งในผู้ต้องหา) ของสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ หลังมีชื่อเข้าไปพัวพัน

เมื่อเวลาประมาณ 10 นาฬิกาที่ผ่านมา (15 ม.ค.) ตำรวจสืบสวนจากสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ได้นำตัวเยาวชนทั้ง 5 คน ร่วมกันฆ่านางสาวบัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยกลุ่มสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว โดยจะใช้เวลาสอบสวนคนละประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน พลตำรวจตรี มานะ อินทร์พิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดูแลงานสอบสวน ได้เดินทางมาดูแลกำกับคดีนี้ด้วยตัวเอง โดยมีพลตำรวจตรี ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว คอยให้การต้อนรับ ขณะที่สื่อมวลชนที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ได้เข้าพูดคุยกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว โดยเฉพาะประเด็นที่มีการจับผู้ต้องหาผิดตัว รวมถึงคำสารภาพของนายปัญญา คงแสน สามีผู้ตายที่ได้สารภาพกับตำรวจไปก่อนหน้านี้ ไล่เรียงไทม์ไลน์เหมือนกับตัวเองได้ก่อเหตุขึ้นจริงๆ จนทำให้ในโลกโซเชียล ตั้งข้อสงสัยว่า ที่นายปัญญาเล่ารายละเอียดได้เป็นฉากๆ นั้น เพราะมีตำรวจนายหนึ่งของ สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ (เป็นพ่อหนึ่งในผู้ต้องหา) เข้าไปมีส่วนชี้นำหรือไม่

โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ยอมรับว่า รายละเอียดในคดีนี้พบพิรุธหลายจุด ล่าสุด ได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจสืบสวนนายหนึ่ง จากสถานีตำรวจภูธรอำเภออรัญประเทศ เข้าไปประจำที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพราะมีส่วนเกี่ยวพันเป็นพ่อของหนึ่งในกลุ่มเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุ จนกว่าคดีนี้จะเสร็จสิ้น นอกจากนั้น ประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยการจับผู้ต้องหาผิดตัว ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกชุดหนึ่ง เพื่อไขข้อกระจ่างในประเด็นนี้ พร้อมทั้งยืนยัน จะไม่มีการช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างแน่นอน ผิดก็ว่าไปตามผิด 
 

ขณะเดียวกัน ครอบครัวของผู้ตาย ได้เดินทางมาจากอำเภอวัฒนานคร เพื่อสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากตำรวจที่ทำคดีนี้ โดยนายน่าน มลใสกุล และนางสาวชนิกา ตันสุ พี่เขยและน้องสาวผู้ตาย ยอมรับว่า ติดตามข่าวในช่วงแรกๆก็ดีใจ ตำรวจทำงานรวดเร็วจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ แต่หลังจากนั้น กลับมีการนำเสนอข่าวผู้ต้องหาตัวจริงกลับเป็นกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่มีหนึ่งในนั้นเป็นลูกตำรวจ ส่วนตัวแล้วอยากให้ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงไปดำเนินคดีให้ได้ และอยากจะฝากถามไปถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นเด็กแท้ๆ ทำไมถึงเหี้ยมโหดกันขนาดนี้ เพราะดูจากคลิปในข่าวแล้ว ผู้ตายตกรถหลายครั้ง พยายามวิ่งหนีก็แล้ว ยังไม่พ้นเงื้อมมือเด็กๆกลุ่มนี้ อยากรู้ว่าจิตใจเด็กสมัยนี้ทำด้วยอะไร

ขณะเดียวกัน ครอบครัวผู้ตายได้เดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือในด้านคดีความต่างๆ โดยครอบครัวผู้ตาย จะได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนผู้เสียหายในคดีอาญา ของกระทรวงยุติธรรมอีกจำนวนหนึ่ง

นางปาง มลใสกุล อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 3 ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร พี่สาวของผู้ตายกล่าวว่า จะยังไม่เผาศพน้องสาวจนกว่าคดีจะคดีคลี่คลายไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาดูแลเลยตลอดครอบครัวผู้ก่อเหตุก็ยังไม่มาดูแลอะไรเลยกลัวว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะว่าเยาวชนก่อเหตุเป็นลูกหลานตำรวจจึงขอฝากสื่อมวลชนเป็นปากเสียงแทน