วันที่  15  ม.ค.67 ที่ ภ.จว.นครศรีธรรมราช, ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8,นายขจรเกียรติ รักพานชมณี  ผวจ.นครศรีธรรมราช,พล.ต.ต. นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8,พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.ขจิตร คงปราบ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช.,พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นศ.พ.ต.อ.ภูวศิษฎิ์ วังแก้ว ผกก.สภ.นาบอน สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส. ภ.จว.นศ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาบอน นำโดย พ.ต.ท.นพเสถียร สิงห์สุขพนธ์ รอง ผกก.สส. ภ.จว.นศ.พ.ต.ท.ศุภกร พรหมทอง สว.กก.สส.ภ.จว.นศ.,ร.ต.อ.ธัชชัย คงนก, ร.ต.อ.ขยัน ทองมี,ร.ต.ท.อดุลย์ พัสดุสาร,ด.ต.วิทยา เอกบุตร, ด.ต.พิศิษฐ์ ครรชิต,จ.ส.ต.สินชัย สิทธิประการ,จ.ส.ต.ศุภชัย รสชื่น,จ.ส.ต.ปณวัส สุขจันทร์
 จับกุม นายสุนทร (สงวนนามสกุล) อายุ 66  ปี  ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน  จังหวันครศรีธรรมราช
พร้อมด้วยของกลาง 1.รถยนต์ จำนวน 31 คัน
และ 2.เอกสารการกู้ยืมเงินจำนวน 31 ฉบับ
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน   1.ประกอบกิจการสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ,2.จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต ,3.ให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ​​​​​​​
พ.ต.ท.นพเสถียร  กล่าวถึงพฤติการณ์คือ การจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนทราบถึงการปล่อยเงินกู้และคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยผู้กู้เงินจะต้องนำหลักทรัพย์ซึ่งเป็นรถยนต์มาเป็นหลักค้ำประกันไว้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.นศ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาบอน ทำการสืบสวนทราบว่าในพื้นที่ หมู่6 ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีฯ มีนายสุนทร (สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์รับจำนำรถยนต์รายใหญ่และปล่อยเงินกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายที่กำหนดในพื้นที่อำเภอนาบอนและพื้นที่ใกล้เคียงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ​​​​​​​เมื่อนายสุนทรฯ              รับจำนำมาได้ก็จะนำรถมาไว้ที่บ้านและบริเวณใกล้เคียงกันนายสุนทร (สงวนนามสกุล) ได้ก่อสร้างโกดังเป็นรั่วสังกะสีปิดทึบเพื่อใช้เก็บรักษารถยนต์ที่ตนเองรับจำนำมาจำนวนหลายคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดทุ่งสง ผลการตรวจค้นพบรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋งรวมทั้งสิ้นจำนวน 31 คัน ที่ประชาชนนำมาจำนำไว้ที่โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ติดสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทสินเชื่ออีกทั้งยังพบเอกสารการกู้ยืมเงินโดยมีรถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ (ชุดโอนลอย) จำนวน 31ชุด 
จากการสอบถามนายสุนทร (สงวนนามสกุล)ให้การรับสารภาพว่าตนเองประกอบธุรกิจการรับจำนำรถมาได้หลายปีแล้วแต่ไม่ได้ขออนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งรถยนต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้เป็นรถที่ตนเองรับจำนำไว้จริงโดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน หรือร้อยละ 36 ต่อปี จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และนำตัวนายสุนทรฯพร้อมด้วยของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาบอน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  ​​​​​​​เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่นำรถยนต์ที่ตนกำลังผ่อนหรือเช่าซื้ออยู่ไปจำนำ อาจเข้าข่ายมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถคือ สถาบันการเงินเจ้าของสินเชื่อหรือไฟแนนซ์ ทำให้ท่านเป็นผู้ครอบครองเพื่อใช้สอยประโยชน์จากรถเท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ซึ่งท่านจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก็ต่อเมื่อชำระเงินครบตามสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น ทั้งนี้ปัญหาของการรับจำนำรถที่ยังติดไฟแนนซ์ก็คือหากท่านไปเจอผู้รับจำนำที่ไม่มีความซื่อสัตย์หรือมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาหลอกลวงเพื่อเอารถของท่านไปขายต่อตั้งแต่แรก อาจขายในรูปแบบรถหลุดจำนำ แยกชิ้นส่วนขาย หรือส่งรถทั้งคันออกนอกประเทศ ท้ายที่สุดสถาบันการเงินเจ้าของกรรมสิทธิ์ จะมาไล่เบี้ยค่าเสียหายกับท่านโดยตรง ทำให้ท่านยังคงต้องผ่อนรถต่อไป ทั้งที่รถไม่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรเอารถที่ติดไฟแนนซ์อยู่ไปจำนำ หรือขาย นอกระบบ เพราะนอกจากท่านจะเสียรถไปแล้ว ยังอาจตกเป็นผู้ต้องหาด้วย