เสรีเผยมี 80 ส.ว. ร่วมลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายฯ ม.153 แล้ว คาดอีก 4 คาด พรุ่งนี้ครบ ชงหารือที่ประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ 15 ม.ค.นี้ ก่อนยื่น ประธานวุฒิฯสัปดาห์หน้า ส่วนวันซักฟอกขอภายใน ก.พ.หรือต้นมี.ค. คปท.ปักหลักหน้าทำเนียบฯ 3 วัน 2 คืน เดินหน้าล่า 2 หมื่นรายชื่อ ปม "ทักษิณ" รักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน สว.วันชัยแนะพวกต้านทักษิณ นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญ ชี้ถ้ามีความรักต่อกันก็จะเข้าใจกันมากขึ้น ขณะที่"หมอวรงค์" คาใจ "กมธ.ตำรวจ" ตรวจชั้น14 เล่นลิเกหรือปาหี่หรือไม่
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.67 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการรวบรวมรายชื่อ ส.ว.จำนวน 84 คน เพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่า ขณะนี้มีส.ว.ร่วมลงชื่อแล้ว 80 คน ซึ่งคาดว่าสัปดาห์นี้จะได้รายชื่อครบ และจะนำเข้าที่ประชุมกมธ.ในวันที่ 15 ม.ค. เวลา 09.30 น. เพื่อจะมาดูวิธีการ แนวทางที่จะอภิปราย และจัดคนอภิปราย ถ้าเสร็จเรียบร้อยก็สามารถยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับผู้ที่จะร่วมอภิปรายด้วยนั้น นายเสรี กล่าวว่า เปิดให้คนที่ลงชื่อเสนอญัตติ ได้อภิปรายก่อน เพราะในญัตติที่เสนอมามีหลายคนที่เสนอประเด็นมา เราก็จะมีเจ้าภาพแต่ละประเด็น แต่ละเรื่องที่เรากำหนดหัวข้อไว้ 7 หัวข้อใหญ่ ดังนั้นส.ว.คนไหนอยากอภิปรายหัวข้อไหนก็มาลงชื่อตามหัวข้อได้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมอภิปรายจำนวนมาก เพราะมืออภิปรายเรายังมีเยอะ ถ้าดูจากที่ส.ว.หารือ และตามกระทู้ในที่ประชุมวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะมีบางคนคิดว่าไม่น่าจะสำเร็จ นายเสรี กล่าวว่า ได้ยินแต่ข่าวมาว่ามีการเสนอเพื่อที่จะไม่ให้มีการลงชื่อในญัตติครบ ดังนั้นถ้าใครคิดจะมาแทรกแซงวุฒิสภา ก็อย่าได้เข้ามาแทรกแซงเลย เสียหายเปล่าๆ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องประโยชน์ของการบริหารประเทศ และของประชาชน ถ้ารัฐบาบตอบได้ ก็จะเป็นเครดิต เป็นความเชื่อถือของรัฐบาล อะไรที่เป็นปัญหารัฐบาลก็แก้เสีย และทุกอย่างล้วนแต่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ควรที่จะเข้ามาแทรกแซงหรือหาวิธีที่จะไม่ให้การลงชื่อสนับสนุนญัตติครบ
ทำทำไม กลัวอะไร เพราะญัตติดังกล่าว ไม่ได้มีการลงมติไม่ไว้วางใจสักหน่อย ดังนั้นรัฐบาลก็ไม่ควรกลัวอะไร เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และน่าจะตอบได้ ที่มีข่าวว่ารายชื่อจะไม่ครบบ้าง ดูถูกเยาะเย้ยบ้าง ไม่เข้าใจการเมือง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของวุฒิสภา ที่เป็นสภาพี่เลี้ยง เป็นสภาที่ต้องแนะนำ และรัฐธรรมนูญเปิดช่องเอาไว้ว่าให้เสนอในประเด็นสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ได้ไปล้มรัฐบาล ไม่ได้ไปทำให้รัฐบาลเสียหาย ควรจะสนับสนุน รัฐบาลสนิทกับส.ว.คนไหนต้องไปขอให้เขาลงชื่อในญัตติ ไม่ใช่มาสกัดกั้น นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อยื่นญัตติแล้วจะสามารถอภิปรายได้วันไหน นายเสรี กล่าวว่า จะได้อภิปรายวันไหนเรากำหนดเองตอนนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ประธานวุฒิสภาจะดำเนินการ เมื่อได้รับเรื่องแล้วจะต้องส่งเรื่องไปยังรัฐบาลให้รับทราบ เพื่อดูวันเหมาะสม แต่ก็ควรที่จะได้อภิปรายภายในเดือนก.พ.หรือต้นเดือนมี.ค.67 เพราะสมัยประชุมจะหมดต้นเมษายน และวาระวุฒิสภา จะหมดเดือนพฤษภาคม
ดังนั้นรัฐบาลอย่าลากอย่าดึง แต่พยายามมาตอบ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับประชาชน และเป็นช่วงสุดท้ายของส.ว.ชุดนี้อยู่แล้ว ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่ได้ทำอะไรให้รัฐบาลเสียหาย เว้นแต่ว่ารัฐบาลจะตอบไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ยอมทำนั่นแหละคือความเสียหายนายเสรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จัดชุมนุมกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน โดยปักหลักพักค้างคืน 3 วัน 2 คืน พร้อมล่ารายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อ เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา ตรวจสอบก่อนยื่นเรื่องต่อประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำงานของ ป.ป.ช. ที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล
วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาโพสต์ข้อความหัวข้อ "เป็นมนุษย์เดินดิน ดีกว่าที่จะเป็นเทวดาชั้น 14" มีรายละเอียด ดังนี้...เป็นมนุษย์เดินดินดีกว่าที่จะเป็นเทวดาชั้น14 เมื่อช่วงปีใหม่ ผมเป็นโควิดต้องกักตัวอยู่ในห้องที่บ้านเกือบ 10 วัน อึดอัดจะบ้าตาย นี่ขนาดเป็นบ้านตัวเอง พอจะเดินบนดาดฟ้า ออกกำลังได้บ้างก็ยังรู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะหายสักทีจะได้ไปไหนมาไหนได้ แล้วคุณทักษิณป่วยอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจปาเข้าไปเกือบ 5 เดือน จะกว้างหรือแคบแค่ไหนไม่รู้ เป็นผมก็คงจะบ้าตายไปแล้ว จะไปไหนมาไหน จะกินจะเที่ยว จะไปไหว้พระวัดไก่เตี้ยก็ไปไม่ได้ นั่งๆนอนๆกินๆเดินๆอยู่อย่างนั้น ไม่ติดคุกก็เหมือนติดคุก จะป่วยหรือไม่ป่วยก็เหมือนป่วยอยู่ดี เป็นแบบนี้ผมขอเป็นมนุษย์เดินดินดีกว่าเป็นเทวดาชั้น14 นะที่พูดๆ กันนั่นก็ลองกักตัวเองสักเดือนดูสิ คงอึดอัดแทบบ้ากันทั้งนั้น ถ้าเราทำใจนิ่งๆ ลด ละ เลิก ความโกรธความเกลียดลงไปได้ อาการคลุ้มคลั่งที่จะไปลุยโน่นลุยนี่คงลดน้อยถอยลง จิตใจคงจะปรองดองสมานฉันท์ขึ้น ถ้ามีความรักต่อกันก็จะเข้าใจกัน นึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศสำคัญกว่า เราจมอยู่กับความโกรธความเกลียด ความขัดแย้งความอาฆาตมาเป็นสิบๆปี ฝังหุ่นจนประเทศเดินไปไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ววางใจให้เป็นกลาง เอาประเทศเป็นที่ตั้งจะไม่ดีกว่าหรือ
ลองคิดดู...ตอนเผด็จการครองเมืองมีเทวดาอยู่ตั้งหลายชั้น ทำอะไรใหญ่โตอยู่ตั้งเยอะแยะ ยิ่งกว่านี้เสียอีก ไม่เห็นมีใครพูดว่าทำลายกระบวนการยุติธรรม ตรวจสอบก็ไม่ได้ ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไรนี่ เงียบฉี่กันไปหมดกลัวหรือว่ารักเผด็จการเลยพูดไม่ออก แต่พอตอนเป็นประชาธิปไตย เรื่องแค่เนี้ยจะเอาเป็นเอาตาย สารพัดกล่าวหาถาโถมกันเข้ามา ตกลงว่าเกลียดทักษิณหรือตั้งตนเป็นเจ้าหลักการแห่งความถูกต้องกันแน่ วันนี้คนเขาเบื่อการทะเลาะเบาะแว้งแตกแยกแตกสามัคคี เลิกได้ควรเลิก จบได้ควรจบ ให้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างความขัดแย้งกันขึ้นมาทำไม
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ดังนี้ ผมมีข้อสงสัย ประธานกรรมาธิการตำรวจ และคณะ ที่ไปเยี่ยมชั้น14 รพ.ตำรวจ พี่น้องคงมีหลายอย่างที่คาใจ แต่บังเอิญคณะชุดนี้ มีการเจอกับหัวหน้าพยาบาลระหว่างขึ้นลิฟท์ (สงสัยน่าจะเป็นหัวหน้าพยาบาลตึกนั้น) 1.คุณคุยกับหัวหน้าพยาบาลว่า เคยเจอคุณทักษิณหรือไม่ หัวหน้าพยาบาลตอบว่า ส่วนตัวไม่เคยเจอ เพราะเป็นหัวหน้า แต่น้องในทีมพยาบาลได้สลับเข้าไปดูแล
ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ หัวหน้าหน้าพยาบาลของตึก จะเป็นคนดูแลการพยาบาลในภาพรวม ยิ่งเป็นผู้ป่วยวีไอพีระดับอดีตนายก อย่างน้อยหัวหน้าพยาบาลจะต้องเข้าไปดูแล อำนวยความสะดวก คำตอบนี้คนในวิชาชีพนี้ ฟังแล้ว รู้ว่าไม่ปกติ
2.หัวหน้าพยาบาลเล่าต่อว่านายทักษิณมีภาวะโรคหัวใจรั่ว คุณเอาที่เขาเล่ามาพูดต่อ จริงหรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้ คุณควรตั้งคำถามว่า ทำไมกรมราชทัณฑ์หรือคณะแพทย์ไม่เคยแถลงเรื่องนี้ 3.หัวหน้าพยาบาลบอกว่า ท่านไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยมบ่อย ฟังคำตอบนี้ไม่แปลกใจหรือว่า อาการป่วยหนักปางตาย รักษามาจะเข้าสี่เดือนแล้ว ไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยม ฟังแล้วท่านน่าจะตั้งคำถามในใจเลยว่า ยังอยู่โรงพยาบาลหรือไม่ หรือไปอยู่ที่อื่นแล้ว จึงไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยม 4.ได้พบท่านไปให้สัมภาษณ์สื่อสำนักหนึ่งว่า เชื่อว่านายทักษิณนั้นป่วยจริง
คุณมีสิทธิ์ที่จะเชื่อแต่ประชาชนไม่เชื่อ ไหนๆ ไปถึงรพ.ตำรวจ คุณไปในฐานะตัวแทนประชาชน คุณควรขอเยี่ยมสักครั้ง เพื่อจะได้ทำให้สังคมไทยกระจ่าง เรื่องความไม่เชื่อมั่นต่อรพ.ตำรวจ กรมราชทัณฑ์และรัฐบาล เรื่องนี้จะได้จบไป หรือแม้แต่ขอดูภาพที่ จนท.ถ่ายไว้ทุก 2 ชั่วโมง เสียดายที่คุณไม่ขอ
5.ขอแถมสักนิด เพื่อไขข้อสงสัยนี้ ผมขอเชิญหมอชลน่าน รัฐมนตรีสาธารณสุข และแพทย์ของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด โดยผมไปคนเดียว ไปดูแผนรักษาในชาร์ตผู้ป่วย โดยไม่ต้องไปพบตัวนายทักษิณ รับรองเลยว่า เราจะดูแผนการรักษา ภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที รับรองทุกอย่างเคลียร์ เอาไหมครับ
สรุปแล้วการที่กรรมาธิการตำรวจไปถึงโรงพยาบาลตำรวจถือว่าเสียของ ไม่ทำการบ้าน เพราะประชาชนสงสัยว่า ป่วยหนักจริงไหม หรือยังอยู่โรงพยาบาลหรือไม่ แต่ท่านกลับเชื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมด แบบนี้ไม่รู้จะเรียกอะไรดีระหว่างเล่นลิเกหรือเล่นปาหี่