เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 13 ม.ค.67 ร.ต.อ.วินัย ขวัญทองอินทร์ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุคนยิงกัน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บนถนนสายบ้านบ่อไคร-ยางเสียน ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร จึงรายให้ผู้บังคับบัญชาให้ได้ทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กิตติพงศ์ เทพหนู ผกก.สภ.ทุ่งตะโก ,พ.ต.ท.สานิส หนูคง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก , พ.ต.ต.ชูศักดิ์ ทัศนภูมิ สว.สืบสวน สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชุมพร แพทย์ รพ.ทุ่งตะโก และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน จ.ชุมพร
โดยที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพ นายกลยุทธ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นอนเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นปาล์มน้ำมัน ภายในสวนหลังบ้านของนายจรัญ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ในสภาพนอนหงายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขาสั้นสีดำ ข้างศพด้านซ้าย พบอาวุธปืนลูกซองยาว ขนาด 5 นัด ตกอยู่ โดยสภาพศพบริเวณหน้าผากเป็นรูกระสุนทะลุออกศีรษะเป็นรูโบว๋ขนาดใหญ่
สอบถามนายจรัญ ผู้เป็นพ่อ ทราบว่า คนตายคือลูกชายตนเอง โดยก่อนเกิดเหตุ ลูกชายได้ขับรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน ชุมพร ในมือถืออาวุธปืนลูกซองมาด้วย แล้วมาจอดที่ข้างบ้าน ก่อนจะเดินไปบอกว่าผมยิงนายประยูรและนางลัดดา ตายแล้ว ผมขอฝากเมียและลูกด้วย หลังจากนั้นก็เดินไปหลังบ้าน สักพักก็ได้ยินเสียงดังลั่นขึ้นมา 1 นัด จึงวิ่งออกไปดูก็พบว่า ลูกชายตนใช้อาวุธปืนลูกซองที่ถือว่า เดินเข้าไปในสวนปาล์มหลังบ้านยิงตัวตายแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
ต่อมาได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุอีกจุดหนึ่ง ซึ่งห่างจากพบศพนายประยูร ไปเพียง 1 กม.เจ้าหน้าที่พบ รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีดำ หมายเลขทะเบียน ชุมพร อยู่ในสภาพล้มพลิกอยู่ข้างไหล่ทางใกล้กันพบปลอกกระสุนลูกซอง ตกอยู่บนพื้น 1 ปลอก ห่างไปเพียงเล็กน้อย ยังพบปลอกกระสุนตกอยู่บนถนนอีก 1 ปลอก ซึ่งทั้ง รถ จยย.และปลอกกระสุนที่พบ อยู่หน้าบ้านของ นายกลยุทธ์ พอดี
ส่วนในพงหญ้า ใกล้กับ รถ จยย.ที่ล้มอยู่ พบศพนายประยูร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร อยู่ในสภาพนอนคว่ำจมกองเลือด สวมเสื้อเชิ้ตสก๊อต กางเกงขายางสีครีม ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณด้านหลังเป็นรูขนาดใหญ่ และยังมีรูกกระสุนเจาะเป็นรู อีกนับ 10 รู พรุน กระสุนทะลุแผ่นหลังเป็นรูขนาดใหญ่ แขนด้านซ้ายเป็นถูกคมกระสุน เป็นแผลฉกรรจ์
ส่วนอีกศพ ทราบชื่อคือนางลัดดา อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายประยูร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าที่บริเวณชายโครงด้านซ้าย 1 นัด ไปเสียชีวิตขณะที่ทางลูกชาย นำขึ้นรถยนต์เพื่อส่ง รพ.ทุ่งตะโก โดยในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้น เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดที่หลงเหลือที่ใต้ถุน ซึ่งเป็นห้องโถง เนื่องจากทาง นายพงษ์พัฒน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก ลูกชายเป็นคนล้างคราบเลือด
จากการตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน พบปลอกกระสุนลูกซองตกอยู่ที่ใกล้คอกไก่ จำนวน 3 ปลอกและบริเวณหน้าบ้านใกล้กับที่ถูกยิงจมกองเลือดอีก 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บและรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายพงษ์พัฒน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.8 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก ลูกชาย ทราบว่า เมื่อช่วงเช้า นายประยูร ผู้เป็นพ่อ ได้ขับรถ จยย.ออกไปทำธุระข้างนอกบ้าน ส่วนตนและน้องชาย ได้ออกไปเที่ยวงานวันเด็ก ที่ อบต.ทุ่งตะไคร จัดขึ้น โดยมีนางลัดดา ผู้เป็นแม่ อยู่บ้านเพียงลำพัง จนกระทั่งประมาณ 11 โมงเศษ น้องชายได้โทรมาบอกว่า แม่ขับรถ จยย.ล้ม เพราะเห็นเพียง จยย.เท่านั้นที่ล้ม อยู่บนถนนที่เกิดเหตุ และน้องก็ได้จูงรถ จยย.กลับมาที่บ้านและก็มาพบว่า แม่นอนฟุบจมกองเลือด ภายในห้องโถงใต้ถุนบ้าน และมารู้อีกที ว่า แม่ถูกยิง จึงได้รีบนำแม่ ส่ง รพ.ทุ่งตะโก แต่ไม่ทันแม่เสียชีวิตระหว่างทาง
นายพงษ์พัฒน์ ยังบอกอีกว่า สำหรับมูลเหตุในครั้งนี้นั้น น่าจะมาจากเรื่องก่อนหน้านี้ ที่นายกลยุทธ์ ได้ใช้อาวุธปืนมายิงขู่ที่หน้าบ้าน เนื่องจากบ้านตนมีอาชีพเลี้ยงหมูฟาร์ม จำหน่าย และคอกอยู่ได้สร้างอยู่ด้านหน้าติดริมถนน และยังอยู่เยื้องกับบ้านนายกลยุทธ์ ห่างเพียงถนนกั้นกลาง ทำให้นายกลยุทธ์ ได้มาโวยวายและยิงปืนขู่ โดยอ้างว่าเหม็นขี้หมู ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 3 ปีแล้ว จนต้องขึ้นโรงพักกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์รุนแรงในวันนี้อีก
ในขณะที่นายสมศักดิ์ เทียมราช ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 บอกว่า ตนเองเองเคยนำทั้งสองมาไกล่เกลี่ยปัญหามาแล้ว ซึ่งทั้งสองก็ยอมกันไป และตนก็ได้นำรถมาขุดเป็นบ่อพักขี้หมูเพื่อไม่ให้ไหลออกไปริมทาง จะได้ไม่สร้างความรำคาญความเป็นอยู่ของเพื่อนล้อมข้าง แต่ไม่คิดว่า เรื่องนี้จะกลับมาปะทุขึ้นจนถึงขั้นก่อเหตุยิงกันตาย
ด้านนางเสนียม อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นแม่ของนายประยูร บอกว่า แม่เองรู้เพียงเกิดการทะเลาะเพียงครั้งเดียว แต่ไม่คิดว่า ลูกชายมาตายเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากถามว่า ลูกชายเคยบมาบอกกล่าวหรือปรึกษาหรือเล่าให้ฟังหรือเปล่านั้น ยอมรับว่า ลูกชายเป็นคนเงียบๆขยันทำงาน ไม่ค่อยจะพูดอะไรให้แม่ไม่สบายใจสักครั้ง อีกทั้งผู้ตายทั้งสองฝ่ายก็เป็นญาติกันอีกด้วยเรื่องเพียงแค่นี้น่าจะคุยกัน
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมและเก็บพยานหลักฐานต่างๆเพื่อสรุปมูลเหตุในการฆ่ากันในครั้งนี้ต่อไป