วันที่ 13 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลว่า โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ผู้ปกครองได้พาเด็กมาร่วมกิจกรรมงานวันเด็กอย่างคึกคัก เด็กๆ ได้ต่อแถวทำกิจกรรมซุ้มต่างๆ ซึ่งไฮไลท์สำคัญคือการนั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี
โดยในปีนี้เด็กที่มาเข้าแถวรอนั่งเก้าอี้นายกฯคนแรก ชื่อเด็กชายชนะโชติ แสนงบ นักเรียนชั้น ม.1 จากโรงเรียนวัดชมนิมิตร อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่เวลา 05.00 น. และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เด็กๆสนใจ คือการขุดซากไดโนเสาร์ จากกรมธรณีวิทยากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้รับแจกตุ๊กตา โมเดล ไดโนเสาร์รวมไปถึงสติ๊กเกอร์
โดยเวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เดินทางมาถึงทำเนียบเพื่อเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ทันทีที่นายเศรษฐา มาถึง ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงข้อสั่งการวันที่ 12 ม.ค. กับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการเพิ่มพัดลมและถังไอศครีมว่าได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วหรือยังซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายกฯ ได้ขึ้นไปยังห้องสีม่วงตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมถ่ายรูปกับเด็กและเยาวชน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พามา โดยเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีความสามารถ และผู้ด้อยโอกาสจำนวน 10 คน โดยคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ และถ่ายรูปร่วมกับนายเศรษฐา คือเด็กหญิงอิ่มบุญ คุ้มครอง อายุ 5 ปี จากสถานสงเคราะห์โรงเรียนกลางเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยน้องอิ่มบุญเปิดเผยความรู้สึกว่าดีใจ และตั้งใจอยากมานั่งเก้าอี้นายกฯ แต่เมื่อได้นั่งแล้วรู้สึกตื่นเต้น ขณะเดียวกันนายกฯ ได้ทักทายเด็กที่มีสามารถด้านทักษะด้านกีฬาฟุตบอล
จากนั้นนายกฯ พร้อมด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวราวุธ ศิลปอาชา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ที่มาร่วมกิจกรรมวันเด็กได้เดินไปยังตึกสันติไมตรีเพื่อเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ
โดยนายเศรษฐา กล่าวเปิดงานวันเด็กตอนหนึ่งว่า สุขสันต์วันเด็ก เด็กๆและเยาวชนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง เป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติของเรา ความปราถนาสูงสุดของตนคืออยากให้เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อการดำรงชีวิตในมิติทางเศรษฐกิจและมิติของการสร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้อื่น รัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมให้เด็กทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษา โดยตั้งเป้าหมาย Zero Dropout คือจะไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาในประเทศนี้ เราจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนนักเรียนรายบุคคลที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบ เพิ่มทางเลือกการเรียนให้ตรงตามความต้องการและวิถีชีวิตของผู้เรียน มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก และเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาซ้ำซาก
นายเศรษฐา กล่าวว่า เราอยากเห็นเด็กของเรามีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความเข้าใจในความแตกต่างของผู้คนที่อยู่ร่วมกับเราในสังคม ท้ายที่สุดจะก่อรูปเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่อยู่ร่วมกันบนฐานของความรัก ความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนมนุษย์ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เป็นเด็กที่มีโลกทัศน์กว้างไกล เปิดรับเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตนอกเหนือจากในตำราเรียน ตนขอฝากไปยังผู้ปกครองและคุณครู ต้องช่วยกันเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะ เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตให้ทันโลก ทันสมัยแห่งปัจจุบัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมอย่างเป็นสากล ซึ่งหมายถึงการเคารพในสิทธิ เสรีภาพของกันและกัน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติให้แก่เด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันเรียนรู้และมีความทรงจำดีๆ ในวันเด็กแห่งชาตินี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น นายเศรษฐา ได้เดินเยี่ยมชมบูทกิจกรรมต่างๆภายในทำเนียบฯ อาทิรับชมการแสดงของ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดัง ก็จะมาร่วมกิจกรรม เดินไปยังตึกภักดีบดินทร์ ตึกนารีสโมสร และตึกบัญชาการ โดยตลอดเส้นทางได้รับความสนใจเข้ามาขอถ่ายภาพ โดยนายกฯได้ทักทายพูดคุยกับบรรดาเด็กๆอย่างเป็นกันเอง
อย่างไรก็ตามนอกจากเยาวชนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมแล้วยังมีกลุ่มกิจกรรมทะลุวังเดินทางมาร่วมงานด้วย โดยอ้างว่าอยากพบนายกฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า หากต้องการนั่งเก้าอี้นายกฯ ให้ลงทะเบียนและต่อแถวกับเด็กๆ ทางกลุ่มจึงปฏิเสธและได้เดินรอบงานก่อนที่จะออกจากทำเนียบฯ ไปในเวลาก็ประมาณ 09.22 น.