ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล
คนฉลาดหลายคนรู้ว่า “ตัวตน” นั้นเป็น “อนัตตา” ไม่ใช่ตัวจริง ๆ ของเรา แต่ก็มีความสุขที่จะอยู่ในโลกของอนัตตานั้น
ณิชชานันท์ไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ เมื่อเรียนจบแล้วก็ถือโอกาสไปเที่ยวยุโรปบางประเทศอยู่ 4-5 อาทิตย์ ที่สุดท้ายก่อนบินกลับประเทศไทยคือฝรั่งเศส ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่คนหรู ๆ ชอบทำ แต่วันนั้นเธอได้เจอการจลาจลบนถนนชองอลิเซ่ โดยผู้สนับสนุนการอพยพหนีภัยสงครามของชาวแอฟริกัน เธอกับเพื่อนที่ไปด้วยกันตกใจมาก ต้องวิ่งหลบหลีกออกมา เพราะมีการเผารถยนต์ที่จอดริมถนนและร้านค้าหลายร้านตามแนวถนนนั้น เมื่อออกมาจากที่เกิดเหตุได้แล้วก็ต้องเดินกว่า 5 กิโลเมตร เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงมาถึงที่พัก เพราะรถสาธารณะหยุดให้บริการทั้งใต้ดินและบนดิน
เธอเปิดอินเทอร์เน็ตค้นข่าวสารถึงการประท้วงและจลาจลที่เกิดขึ้น ก็ทำให้นึกถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทยในหลาย ๆ ครั้ง รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า แล้วเกิด “ความรู้เล็ก ๆ” ขึ้นมาทีละแวบ เหมือนได้ชมละครชีวิต แต่เป็นชีวิตของผู้นำของแต่ละประเทศ ที่แย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างกันและกัน โดยมีประชาชนเป็นตัวประกัน และทรัพยากรของชาติเป็นเป้าหมาย พอมองเข้ามาที่ชีวิตขอเธอเองก็ช่างเป็นส่วนที่เล็กเอามาก ๆ ปัญหาส่วนตัวของเธอที่คิดว่าใหญ่โตมโหฬารนั้นกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับปัญหาของประเทศ ซึ่งหลังจากวันนั้นเธอก็เริ่มมองสิ่งต่าง ๆ ให้กว้างออกไป แน่นอนว่าต้องมองออกไปนอกเหนือตัวตนของเธอเอง และปรับความคิดเสียใหม่ให้พ้นจากตัวเองเสียที
เธอได้มาเรียนในหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตยของสถาบันพระปกเกล้า ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการปรับทัศนคติของเธอเองนั้น ที่อยากมองอะไรให้กว้างไกล โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมส่วนรวม และอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อค้นหาตัวเองว่า เธอจะต้องอยู่อย่างไรในโลกของส่วนรวมที่มีคนรายรอบจำนวนมหาศาลนั้น จากเดิมที่เธอเคยเกลียดการเมือง เธอก็จำเป็นต้องมายอมรับว่าการเมืองเป็นสิ่งจำเป็น ไม่มีใครหลีกเลี่ยงการเมืองได้ เพราะการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องของส่วนรวมเท่านั้น แต่การเมืองยังเป็นเรื่องของส่วนตัวคือเข้าไปเกี่ยวข้องกับตัวคนแต่ละคนนั้นด้วย แม้แต่ในเวลาที่เราอยู่ตามลำพัง
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังรอเข้าเรียนรอบบ่าย ผมเห็นเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียนก็เลยเข้าไปทักทาย จำได้ว่าเธอถามขึ้นมาคำหนึ่งว่า “เป็นนักการเมืองนี้ยากไปไหม” ผมก็ถามกลับไปเพราะไม่ค่อยมั่นใจในคำถาม “อยากลงเลือกตั้งหรือ” เธอก็ตอบว่า “ไม่ค่ะ แค่อยากรู้ว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง จึงจะได้เป็นนักการเมือง” ซึ่งผมก็ตอบเธอไปเล่น ๆ ว่า “ไม่ยากหรอก” พอดีเสียงกริ่งเรียกเข้าห้องเธอก็ต้องเข้าไปเรียน หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้อีก จนเธอเรียนจบหลักสูตร จนถึงวันขึ้นปีใหม่ในปีต่อมา เธอก็โทรศัพท์มาขอพบผม โดยบอกว่าจะมาสวัสดีปีใหม่ ตอนนั้นผมเพิ่งได้เข้าไปรับตำแหน่งรักษาการรองอธิการบดี จึงให้เธอมาพบที่ห้องรับรองของผู้บริหาร ซึ่งในวันที่เธอเอาผลไม้มาสวัสดีปีใหม่ เราก็ได้คุยกันอยู่อีกเกือบชั่วโมง จึงได้รู้ว่าเธอได้ปรับเปลี่ยนตัวของเธอนั้นไปมากจริง ๆ โดยเฉพาะมุมมองเกี่ยวกับ “ตัวตน”
เธอบอกว่าเธอเพิ่งลาออกจากงานที่บริษัทการเงินระหว่างประเทศที่เธอเคยทำอยู่ ตอนนี้เธอมาทำงานในบริษัทของครอบครัว โดยคุณพ่อมอบหมายให้ดูแลด้านเงินและบัญชี แต่ก็ยังเป็นผู้ช่วยของผู้จัดการฝ่ายนี้ แต่เธอก็อยากจะมีบริษัทหรือกิจการเป็นของตัวเองอีกสักอย่าง เผื่อว่าจะได้ทำในสิ่งที่เธอชอบ ระหว่างนี้เธอก็ไปช่วยเพื่อนที่เป็นนักการเมืองทำงานลงพื้นที่ ซึ่งก็สนุกดี แต่ก็ยังไม่อยากเป็นนักการเมือง เพราะการเมืองในประเทศไทยยังมีอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถจะเป็นนักการเมืองที่ดีได้
เธอพูดถึงการลงพื้นที่ที่เธอไปช่วยเพื่อน ส.ส.ทำงาน มันเหมือนการทำประชาสัมพันธ์มากกว่า คือเน้นแต่การโฆษณาให้รู้จักเฉพาะหน้าตาและผลงาน เธอไปช่วยตั้งแต่ตอนหาเสียง แรก ๆ ก็แค่ตามไปดูเผื่อว่าถ้าจะต้องมาเป็นนักการเมืองจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งการเป็นนักการเมืองสมัยนี้ก็ไม่ยากเหมือนอย่างที่ผมเคยพูดไว้จริง ๆ เพียงแต่รู้จักใช้เทคโนโลยีด้านโซเชียลมีเดียให้ดี เพราะผู้เลือกตั้งที่ชื่นชอบพรรคของเพื่อนคนนี้ส่วนใหญ่คือคนรุ่นใหม่ ส่วนคนรุ่นเก่าที่อาจจะใช้เทคโนโลยีไม่เก่งก็ยังใช้วิธีการเข้าหาแบบเดิม คือหา “ตัวช่วย” ที่เป็นคนที่ชาวบ้านเหล่านั้นรู้จัก ซึ่งก็มีคนอาสาไปหาคะแนนให้ อย่างที่เรียกกันว่าเป็น “หัวคะแนน” นั่นแหละ เพียงแต่หัวคะแนนสมัยนี้ไม่เสนอหน้ากันอย่างประเจิดประเจ้อเหมือนสมัยก่อน อีกทั้งพรรคนี้ก็มีชื่อเสียงดีอยู่แล้วจึงไม่ต้องงอนง้อหัวคะแนนให้วุ่นวาย มีแต่หัวคะแนนนั้นจะเข้าหา และผู้สมัครก็สามารถเลือกหรือมีอำนาจเหนือหัวคะแนนนั้นพอควร
เธอใช้ความสามารถด้านความเข้าใจในตัวตนของคนรุ่นใหม่อย่างที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นและยึดมั่น นำเรื่องราวเหล่านั้นมาสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ เธอรู้ว่าคนรุ่นนี้ชอบหรือไม่ชอบอะไร และนั่นแหละคือสิ่งที่เธอเกลียดตัวของเธอเองด้วย เพราะเมื่อมองเข้าไปจริง ๆ สิ่งที่คนรุ่นใหม่คิด เชื่อ หรือเห็นนั้น ล้วนแต่ไม่จริง ซ้ำร้ายกลับเป็นอันตรายต่ออนาคตของพวกเขาเองนั้นด้วย นั่นก็คือ การยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองมีดีต่าง ๆ เช่น เก่ง กล้า สวย หล่อ หรือพิเศษ ฯลฯ พร้อมกับมองคนอื่น ๆ ด้อยกว่า ต่ำกว่า และไม่ได้เรื่อง โดยเฉพาะคนต่างรุ่น คือพวกพ่อแม่และลุงป้าน้าอาของเขาเองนั่นแหละ ทำให้พานมองร้ายไปถึงสถาบันหรืององค์กรที่เก่าแก่ต่าง ๆ นั้นด้วย ทั้งการมองร้ายก็ทำให้เกิดการผลักดันไปสู่การล้มล้าง การทำลาย หรือฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งต่าง ๆ ที่คนรุ่นใหม่นี้เชื่อกันว่า “เอาต์” ไปหมดสิ้นแล้วนั้นด้วย
ตอนนี้เธอก็ยังช่วยเพื่อน ส.ส.คนนั้นทำงานอยู่บางส่วน แต่ยิ่งเข้าไปทำใกล้ ๆ อยู่ข้างในอย่างใกล้ชิดนั้นแล้ว ก็ยิ่งเห็นว่ามีการเข้าใจการเมืองที่บิดเบือนไปมาก ๆ ตัวเพื่อนเองที่เธอเคยนับถือว่ามีอุดมการณ์ที่ดี ก็เหมือนจะเกิดความบิดเบี้ยวไปในฉับพลันที่ได้เข้าไปมีตำแหน่งทางการเมือง เหมือนกับว่าถูกกลืนเข้าไปในหลุมดำอันลึกลับ ซึ่งเพื่อนของเธอบอกว่าทุกคนต้องเป็นไปแบบนั้นเพื่อความอยู่รอดและ “ความก้าวหน้า” เธอคิดว่าบางทีเธออาจจะต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่” กับชีวิตการเมืองของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ได้แต่คิดว่าคงจะค่อย ๆ ถอนตัวออกมา ก่อนที่เธอจะถูก “หลุมดำ” นั่นดูดกลืนเข้าไปด้วยอีกคน
บัดนี้เธอได้ “ความคิดใหม่” ในการมองทั้งตัวตนของเธอเองและตัวตนของสิ่งอื่น ๆ ที่รายรอบ ที่มีจุดเริ่มต้นจากที่เธอได้อ่านได้เห็นเกี่ยวกับการจลาจลของประเทศต่าง ๆ ว่าตัวเรานั้นเป็นแค่จุดเล็ก ๆ บนโลกนี้ การมองเฉพาะตัวเราเองจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย เพราะปัญหาต่าง ๆ ล้วนใหญ่เกินตัว เราจะต้องมองให้เป็น “ปัญหาร่วม” และเป็น “เรื่องส่วนรวม” ให้ทั้งหมดทั้งสิ้น เพื่อเชื่อมโยงพลังในการคิดแก้ คิดทำ หรือคิดสร้าง คิดพัฒนา ให้เป็นเครือข่ายของความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ ที่จะเอาชนะปัญหาใหญ่ ๆ ทั้งหลายได้ ซึ่งผลได้ก็จะเป็นผลดีแก่ตัวเราแต่ละคนนั้นด้วย
เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่เพิ่งผ่านมา ผมก็เงี่ยหูฟังและพยายามติดตามหาอ่านว่า จะมีหญิงสาวที่ชื่อณิชชานันท์ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งแน่นอนยังไม่ปรากฏ บางทีเธออาจจะไม่ทำงานการเมืองอีกแล้ว หรืออาจจะคิดไปทำอะไรที่ “กว้างใหญ่” กว่านั้น ในแบบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้
สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งดี และเปลี่ยนโลกนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งคงไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝัน