“ปลัดมหาดไทย” เผยยอดหนี้นอกระบบครบ 42 วัน มูลหนี้ 8,022 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 1.2 แสนราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 2.7 พันราย มูลหนี้ลดลงร่วม 325 ล้านบาท ดำเนินคดีไปแล้วกว่า 46 คดี พร้อมสั่งการผู้ว่าฯ นายอำเภอ เตรียมความพร้อม Kick off ตลาดนัดเงินกู้พร้อมกันทั่วประเทศ 14 ม.ค. 67 นี้

วันนี้ (11 ม.ค. 67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวันที่ 42 นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา โดยจากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.30 น. มีมูลหนี้รวม 8,022.615 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 126,095 ราย เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 108,727 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 17,368 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 90,502 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก 1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 10,547 ราย เจ้าหนี้ 6,617 ราย มูลหนี้ 729.692 ล้านบาท 2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 5,150 ราย เจ้าหนี้ 4,429 ราย มูลหนี้ 332.058 ล้านบาท 3. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 4,711 ราย เจ้าหนี้ 3,486 ราย มูลหนี้ 301.818 ล้านบาท 4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 4,706 ราย เจ้าหนี้ 3,012 ราย มูลหนี้ 350.066 ล้านบาท 5. จังหวัดขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 3,273 ราย เจ้าหนี้ 2,664 ราย มูลหนี้ 248.116 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 194 ราย เจ้าหนี้ 156 ราย มูลหนี้ 9.953 ล้านบาท 2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 266 ราย เจ้าหนี้ 179 ราย มูลหนี้ 18.294 ล้านบาท 3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 326 ราย เจ้าหนี้ 232 ราย มูลหนี้ 10.456 ล้านบาท 4. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 412 ราย เจ้าหนี้ 301 ราย มูลหนี้ 17.544 ล้านบาท และ 5. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 441 ราย เจ้าหนี้ 294 ราย มูลหนี้ 21.090 ล้านบาท

“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 8,110 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 2,765 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 648.984 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 323.451 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 325.533 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 2,910 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 72 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 224.684 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 4.650 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัด ลดลงมากถึง 220.033 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งสำนวนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ ซึ่งในขณะนี้ทั่วประเทศมีการดำเนินคดีไปแล้ว 46 คดี ใน 19 จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้มีการดำเนินการในลักษณะ “ตลาดนัดเงินกู้” ที่จัดเป็นอีเวนต์ทุกวันที่ 15 หรือประมาณกลางเดือน หรือวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และธนาคารได้มาพูดคุยกัน ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ “ตลาดนัดเงินกู้” ซึ่งจะมีการ Kick off ในวันที่ 14 มกราคมนี้ พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาให้บริการ เช่น การไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ การรับลงทะเบียนขอความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การให้ความรู้และให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย กิจกรรมฝึกอาชีพ และสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ บริการให้คำปรึกษาทางการเงิน โปรโมชั่นพิเศษเรื่องสินเชื่อให้กับลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือผู้ประกอบการ

"ตนได้เน้นย้ำให้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี ได้แก่ ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคศาสนา ภาคสื่อสารมวลชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคประชาชน ได้ช่วยกันเกื้อกูลและหนุนเสริมอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่จะมาใช้บริการ “ตลาดนัดเงินกู้” ที่ใกล้จะถึงนี้ พร้อมซักซ้อมแนวทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และประมวลข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อความพร้อมในการ Kick off “ตลาดนัดเงินกู้”" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า กระทรวงมหาดไทยยังคงเปิดรับลงทะเบียนพี่น้องประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ โดยสามารถสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง