ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

มนุษยธรรมคืออะไร คำจำกัดความจาก Oxford Languages (Dictionary) แปลเป็นไทยว่า คือ คุณธรรมที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ธรรมที่มนุษย์ควรมีต่อกัน เช่น เมตตา กรุณา ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Humanity หรือ Mankind

ส่วนคำตรงข้ามคือไร้มนุษยธรรม หมายถึง ความป่าเถื่อนโหดร้าย ต้องการเข่นฆ่าทำลายล้าง โดยความโกรธ ความเกลียด ความโลภ  (Nectec Lexitron)

ดังนั้นสิ่งที่เราต้องการในการหยุดยั้งการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ก็คือทำอย่างไรให้พวกไร้มนุษยธรรมมีมนุษยธรรมมากขึ้นในกมลสันดาน แต่ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยสันติก็ต้องใช้กำลังบังคับ เช่น ถ้าเป็นบุคคลก็จับขังคุก ถ้าเป็นประเทศก็ต้องใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามเพื่อยุติการกระทำอันไร้มนุษยธรรมนั้นเสีย

แม้ว่าบางคนอาจจะปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ ด้วยพอกหนาด้วยอคติ ฉันทคติ หรือการถูกล้างสมองจากการโฆษณาชวนเชื่อก็ตาม แต่เสียงร่ำร้องของมนุษยธรรมจะไม่มีวันเงียบลง ตราบใดที่ยังมีการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ

“Though we Turn A Blind Eye To What Surrounds Us And A Deaf Ear To Humanity’s Never-Ending Cry.”

และสักวันหากเราบางท่านเชื่อในกฎแห่งกรรม ผู้ก่อกรรมทำเข็ญก็จะได้รับผลตอบสนองที่สาหัส สำหรับผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าต่างก็เชื่อ ว่าพระเจ้านั้นจะทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมเสมอ

ส่วนคนที่ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ด้วยเหตุใดๆก็ตาม วันหนึ่งเมื่อเขาประสบกับความไร้มนุษยธรรม เขาก็จะสำนึกและสำเหนียกได้ว่าเสียงเรียกร้องของมนุษยธรรมนั้นไม่เคยหยุด ตราบใดที่มนุษยธรรมยังคงอยู่คู่มนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์ปราศจากมนุษยธรรมในจิตใจเขาผู้นั้นก็จะมีสภาพไม่ต่างจากสัตว์ ชนชาติที่ไร้มนุษยธรรมก็มีสภาพไม่ต่างจากฝูงสัตว์ร้าย ที่อาจฆ่าได้แม้พวกเดียวกัน เพียงแต่ผลประโยชน์ขัดกัน หรือความเห็นต่างกัน

ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ได้รวบรวมข้อมูลและจัดทำองค์ประกอบของมนุษยธรรมไว้ดังนี้

1.Compassion ความเห็นอกเห็นใจ

2.Sympathy ความมีใจสงสาร(ผู้เขียน)

3.Empathy ความรู้สึกมีทุกข์ร่วม

4.Mercy ความเมตตา

5.Kindness ความกรุณา

6.Pity ความเวทนา (ผู้เขียน)

7.Solicitude ความห่วงใย    

8.Soft-Heartedness ความมีใจละมุน

9.Gentleness ความสุภาพอ่อนโยน

10.Humanitarianism ความมีใจต่อเพื่อนมนุษย์

11.Consideration ความมีใจคำนึงถึงต่อผู้อื่น

12.Altruism ความไม่เห็นแก่ตน

13.Generousness ความมีใจกว้าง (ผู้เขียน)

14.Benevolence ความเป็นกัลยาณจิต

15.Beneficence ความมีกุศลจิต

16.Munificence ความเปิดใจ  กว้าง

17.Philantropy ความใจบุญสุนทาน

18.Leniency ความรู้จักผ่อนปรน

19.Tolerance ความรู้สึกอดกลั้น

20.Magnanimity ความเป็นผู้มีจิตใจสูงส่ง

ส่วนการวางขอบเขตด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศสหประชาชาติก็ได้มีการตกลงร่วมกันอันมีผลผูกพัน คือ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

นั่นคือกฎหมายที่ว่าด้วยการจัดวางระเบียบจรรยาบรรณในเมื่อเกิดการขัดกันด้วยอาวุธ โดยกำหนดความคุ้มครองบุคคล ซึ่งมิได้มีส่วนในการขัดแย้งกัน และเข้าทำการสู้รบ นั่นหมายถึงพลเมืองของกลุ่มชนนั้นๆที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวกับการรบ เช่น ผู้หญิงหรือเด็ก นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดเขตพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพลเรือน เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียนไว้อย่างชัดเจน ยกเว้นว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าไปใช้เป็นที่โจมตีฝ่ายตน ซึ่งกฎหมายกำหนดหลักสิทธิหน้าที่และความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายต่างๆแม้แต่การคุ้มครองเชลยศึก

สำหรับผู้มีมโนสำนึกความจริงก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยละเอียด ทุกมาตราและท่านอาจจะใช้มนุษยธรรมในจิตใจของท่านพิจารณาเอาได้ เช่น การโจมตีโรงพยาบาลโดยกล่าวอ้างว่ามีศูนย์บังคับบัญชาทางทหารของฝ่ายตรงข้ามอยู่ข้างใต้ ครั้นโจมตีและขับไล่คนเจ็บป่วยออกไป ก็ไม่พบว่ามีกองบัญชาการในอุโมงค์ใต้โรงพยาบาล ในความเป็นจริงไม่มีแม้แต่อุโมงค์เพียงแต่เป็นห้องใต้ดิน จนต้องสร้างหลักฐานเท็จ แต่ก็ไม่อาจตบตาผู้เชี่ยวชาญหรือแม้แต่สายตาประชาชนทั่วไป จนต่อมาต้องออกข่าวว่าศูนย์บัญชาการนั้นอยู่อีกที่ ที่ใต้บ้านหลังใหญ่ แต่การย้ายคนไข้ขั้นวิกฤติรวมทั้งเด็กที่ต้องอยู่ในตู้อบจนทำให้เสียชีวิตไปบางคน อย่างนี้ใครรับผิดชอบ

แต่สำหรับคนที่ถูกล้างสมอง หรือปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังก็ยังคงดันทุรังปกป้อง ทั้งๆที่การทำลายล้างกาซาอย่างแหลกลาญที่ออกข่าวแม้สื่อตะวันตก จะให้คิดได้อย่างไรว่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์จะไม่เสียชีวิตหรือเสียหายน้อยมาก เมื่อเทียบกับการที่ฮามาสไปโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ต.ค. และเมื่อต่อมาก็มีข้อพิสูจน์ได้ว่าการโจมตีที่มีผู้เสียชีวิตหลายคนนั้นเกิดจากการระดมยิงอย่างไร้สติของ IDF จำนวนไม่น้อย

เอาหละปิดล้อมเหมือนไก่ในเล้า แล้วระดมยิงเข่นฆ่ายังไม่หนำใจ ยังปิดกั้นอาหาร ยารักษาโรค ให้ประชาชนอดตายหรือเป็นโรคระบาดตาย นี่มันผิดทั้งหลักกฎหมายมนุษยธรรมและหลักมนุษยธรรมชัดๆ ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้

แต่ขอให้ตระหนักไว้เถิด ว่าถ้ามนุษย์ขาดมนุษยธรรมมันก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน แล้วสังคมโลกมันจะเป็นอย่างไรในอนาคต

แม้อิสราเอลจะอ้างการป้องกันตนเอง แต่การเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฆ่าทั้งผู้หญิง และเด็ก เพราะไม่ต้องการให้มาต่อต้านตนเองอีก ทั้งๆที่อิสราเอลเป็นฝ่ายไปแย่งยึดแผ่นดินเขามา

ไม่ว่าจะอ้างมติสหประชาชาติที่ 181 เมื่อปี 1947 แต่มติอื่นๆของสหประชาชาติเรื่องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม หรือคืนดินแดนให้ปาเลสไตน์ตั้งประเทศตามที่เป็นอยู่ก่อนปี 1967 อิสราเอลก็ไม่เคยปฏิบัติตาม

ด้วยประการฉะนี้ประเทศทั้งหลายและประชาชนในแต่ละประเทศ จึงควรลุกขึ้นมาแสดงจุดยืน เพื่อระงับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอล และให้มีการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ด้วยเรามิอาจปล่อยให้สังคมนี้จมดิ่งอยู่อย่างป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมไม่ต่างจากสังคมสัตว์ป่า

ประเทศไทยจึงควรมีบทบาทในการสนับสนุนให้สหประชาชาติได้มีบทบาทในการระงับเหตุ ด้วยมติที่ 377 a ของสมัชชาใหญ่ ในเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงไม่อาจทำหน้าที่ได้ เพราะสหรัฐฯคอยวีโต้มติการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม

อย่ามัวแต่พูด มัวแต่ประณาม เวลาผ่านไปๆ ประชาชนผู้บริสุทธิตายทุกวัน ตามแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อแย่งยึดดินแดนผืนสุดท้ายของปาเลสไตน์ ที่กำลังดำเนินอยู่ของอิสราเอล ซึ่งในความเป็นจริงอิสราเอลมีประสบการณ์ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาจากฮิตเลอร์แล้วควรเห็นใจชาวปาเลสไตน์ หรือชาวอิสราเอลจะเป็นกลุ่มชนที่ไร้มนุษยธรรม