วันที่ 11 ม.ค.67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการร้องเรียนว่าการสอบท้องถิ่นประจำปี 2567 มีการเรียกรับเงินรายละ 7 แสนบาท ว่าต้องมีการสอบสวนว่าจริงหรือไม่ โดยต้องฟังทุกฝ่าย เพราะหากเรียกรายละ 7 แสนบาท จำนวน 6 พันตำแหน่งที่เปิดสอบในปีนี้จะเท่ากับ 420 ล้านบาท ถามว่าใครเก็บเงินไว้ หากเก็บไว้จะรอดพ้นจากการตรวจตราของตนเองได้หรือไม่ จะพ้นเงื้อมมือกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นก็รับฟัง ถ้าไม่มีไฟก็ไม่มีควัน แต่ก็ต้องดูข้อเท็จจริง ถ้ามีจริงไม่เหลือไม่เก็บไว้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยสร้างความเชื่อมั่นได้แน่นอน เราเปิดให้สถาบันการศึกษามาจัดการเรื่องการสอบเหล่านี้ แทนกระทรวงมหาดไทย โดยที่ต้องไม่ฟังการกดดัน ไม่มีการรับฝาก

“ผมมาอยู่กระทรวงมหาดไทยเน้นระบบคุณธรรม ซึ่งทำให้ฝ่ายการเมืองแบบผมสบายใจ ใครมาฝากก็บอกฝากไม่ได้ และข้าราชการประจำก็สะดวกใจ ถ้าทำตามระบบคุณธรรมใครว่าใครไม่ได้ ใครบังคับใครไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ผมมอบหมายกระทรวงให้ดูแล”

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ได้รับรายงานจากอธิบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)ว่าภายในเดือนนี้กระทรวงมหาดไทยจะร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมลงนามให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้

“ผมมั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องพวกนี้แน่นอน ส่วนครั้งนี้อาจมีคนคิดพิเรนท์ทำตัวเป็นนายหน้า โดยเก็บเงินมาก่อนหากเข้าไม่ได้จะคืนเงิน มันจะโง่ขนาดนั้นเหรอคนให้ที่คิดจะได้เงินคืน แต่ถ้ามีการจ่ายจริงต้องดำเนินการทั้งคนเรียกรับ คนจ่าย เพราะเป็นการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่า 7 แสนบาทเป็นไปไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว

 

#มหาดไทย #ท้องถิ่น #เรียกรับเงิน