วันที่ 10 ม.ค.2567 เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการนำกมธ.เดินทางไปศึกษาดูงานที่บริเวณชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันศุกร์ที่12 ม.ค.นี้ว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือตอบรับจากพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์(สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ ให้กมธ.ตำรวจ เดินทางไปถึงในเวลา 10.00 น. และมอบหมายให้พ.ต.อ.สฤษติ์ พุทธพงษ์ศิริพร ผู้กำกับการฝ่ายยุทธศาสตร์ กองบังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ประสานงานในการศึกษาดูงาน

ทั้งนี้ในการเริ่มต้นศึกษาดูงานของกมธ.ฯจะเริ่มที่อาคารศรียานนท์ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นที่แรก เพื่อสอบถามขั้นตอนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มาเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลตำรวจ มีขั้นตอนรับเข้าอย่างไร มีการดูแลผู้ต้องขังมีวิธีการอย่างไร มีการเข้าเวรของเจ้าหน้าที่ทุกกี่ชั่วโมง บันทึกภาพกี่ชั่วโมง นักโทษทุกคนที่รักษาตัวอยู่กี่คน รวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย

เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้ให้สื่อมวลชนติดตามไปทำข่าวด้วยหรือไม่ ประธานกมธ.ตำรวจ กล่าวว่า สื่อมวลชนสามารถมารอทำข่าวได้บริเวณด้านหน้า เนื่องจากโรงพยาบาลตำรวจอนุญาตให้เฉพาะกมธ.ฯเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อทราบผล เราจะมาแถลงให้ทราบอีกครั้งต่อไป

เมื่อถามถึงเป้าหมายของกมธ.ตำรวจ เพื่อไปติดตามนายทักษิณว่ายังอยู่ชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจเท่านั้นหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เราต้องใช้คำว่าไปดูผู้ต้องขังคนอื่นๆด้วย และศึกษาวิธีการดูแลผู้ต้องขังคนอื่น กับนายทักษิณเหมือนกันหรือไม่ มีความแตกต่างกันอย่างไร ผู้ต้องขังคนอื่นพักอยู่ห้องไหน ทำไมนายทักษิณถึงพักอยู่ที่ชั้น14 เราต้องดูข้อแตกต่างตรงนี้

 " ผมขอฝากไปถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้ตอบกลับในหนังสือมา ท่านคิดทบทวนให้ดี ท่านต้องให้ความร่วมมือกับกมธ.ตำรวจ ท่านมีความเห็นอย่างไร แต่ท่านเป็นเจ้าของไข้ของผู้ต้องขัง ที่นำไปรักษาตัว แต่ท่านยังไม่ตอบ มิเช่นนั้นท่านจะเป็นจำเลยของสังคมแบบนี้ไปตลอดชีวิต” ประธานกมธ.ตำรวจ กล่าว

เมื่อถามว่าหากพบว่ามีการเอื้อต่ออภิสิทธิ์ชนจริง กมธ.ตำรวจจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัยชนะ กล่าวว่า จะดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายที่มีอยู่ว่าเอื้อหรือไม่ ระเบียบข้อไหนที่รองรับ เหมือนที่ตนเคยกล่าวไปในการรักษาตัวของผู้ต้องขัง ใช้งบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และทางกรมราชทัณฑ์ เคยระบุว่าหากรักษาเกินงบฯของสปสช. สามารถใช้เงินส่วนตัวได้ ตนจึงแจ้งให้นำระเบียบมาดู เราได้ทำหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ให้ส่งเอกสารที่เราขอไปทั้งหมด และเราต้องดูเอกสารตัวนี้ก่อน

เมื่อถามว่าต้องสอบถามอาการป่วยของนายทักษิณด้วยหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า อาการป่วยแค่ไหน ตรงนี้ตอบไม่ได้อยู่แล้ว เพราะทางแพทย์ชี้แจงไว้ชัดเจนว่าเป็นกฎหมายที่สงวนไว้เฉพาะผู้ป่วย แต่โรคของผู้ป่วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคปอด สามารถบอกได้ แต่ป่วยแค่ไหน ไม่สามารถบอกได้ ประเด็นคือต้องดูที่ขั้นตอนว่ามีนักโทษกี่คนที่ไปรักษาตัวที่ชั้น14 ห้องไหนบ้าง การปฏิบัติเป็นอย่างไร ตรงนี้ตนคิดว่าเป็นกุญแจสำคัญมากกว่า

เมื่อถามว่ามีโอกาสที่เจอกับนักโทษทุกคนหรือไม่ ประธานกมธ.ตำรวจ กล่าวว่า ต้องดูระเบียบโรงพยาบาลตำรวจว่าเมื่อเราเข้าไปแล้ว เข้าให้เราเข้าไปแค่ไหน เช่น ให้ดูตัวตนเลยหรือไม่ หรือให้ดูผ่านกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวีที่บันทึกในห้องนั้น ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลตำรวจ ตนคิดว่าเมื่อกมธ.ฯเดินทางไปถึง จะมีการแลกเปลี่ยนสนทนาเรื่องนี้กันก่อน จากนั้นจะลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริง

เมื่อถามย้ำว่า หากวันที่12ม.ค.ไม่เจอคนที่ชั้น14 จะทำหนังสือไปจนกว่าจะเจอหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ถ้าไม่อยู่จริง โรงพยาบาลตำรวจต้องตอบสังคมให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน หรือกรมราชทัณฑ์อยู่หรือไม่ แต่ถ้าอยู่จริง เราก็ต้องบอกสังคมว่าเราเห็นแล้วว่าอยู่อย่างไร วันนี้ตนคาใจกรมราชทัณฑ์ที่ยังไม่ตอบหนังสือ ถึงแม้กรมราชทัณฑ์ไม่ตอบ แต่โรงพยาบาลตำรวจ อนุญาตแล้ว เราก็ไปได้ ต้องขอบคุณพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และโรงพยาบาลตำรวจที่ให้ความร่วมมือกับกมธ.ฯ ส่วนถ้าหากพบนายทักษิณจะพูดว่าอย่างไรนั้น เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน ถ้าพูดตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าติดตาม