เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 9 ม.ค.2567 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พันตำรวจตรี โจ เสาร์ประโคน สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้เดินทางมาสอบสวนปากคำผู้ต้องหาต่างก้าวชาวเมียนมาร์ ร่วมกับ พ.ต.ท. สุธีรฐ์ ธีระสวัสดิ์ สารวัตร ตม.สุพรรณบุรี หลังถูก ด.ต.สุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ พร้อมกำลังตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ สกัดจับได้ 2 ราย ขณะออกตรวจที่ โดยรายขณะกำลังตรวจพื้นที่ไปตามถนนเลียบคลองชลประทานสาย บ้านทุ่งแฝก-ดอนปรู หมู่ 4 ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจันต์ ได้ผู้ต้องหา 15 คน และรายที่ 2 จับได้ที่ถนนสาย 340 ศรีประจันต์ - สุพรรณบุรี ขาเข้าสุพรรณบุรี โดยจับได้เลยแยกไฟแดงศรีประจันต์ได้ผู้ต้องหา 10 คน
พันตำรวจตรี โจ เสาร์ประโคน สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ได้รับรายงาน จาก ด.ต.สุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ ว่าได้จับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนแรงงานต่างด้าว 2 รายได้ผู้ต้องหาจำนวนมากจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมสอบสวน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ ด.ต.สุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ นำกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบไปตามถนนเลียบคลองชลประทานสาย บ้านทุ่งแฝก-ดอนปรู หมู่ 4 ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจันต์ พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาวทะเบียน 3 ฒช 1726 กรุงเทพมหานคร ลักษณะมีคอกแสตนเลสมีกระสอบปุ๋ยเต็มคันเหมือนรถบรรทุกหนักต้องสงสัยจึงเรียกให้จอดเพื่อขอตรวจค้น จากกาตรวจค้นเบื้องต้นพบหน้ารถมีผู้โดยสารเป็นหญิงจำนวน 3 ราย สอบถามนายธนพล กมลปราณี อายุ 39 ปี คนขับบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าบรรทุกกระสอบทราย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงทำการตรวจค้นพบแรงงานต่างด้าวเบียดเสียดกันอยู่ 12 คนรวม 15 คน หญิง 8 คนชาย 7 คน จากการตรวจสอบรถพบว่ารถถูกดัดแปลงโดยใช้กระสอบปุ๋ยสีขาวใส่แกลบวางเรียงทำเป็นอุโมง เปิดรูด้านท้ายไว้ให้คนเข้าออกภายในมีพัดลมระบายอากาศ 2 ตัวเพื่อช่วยระบายอากาศ
สอบสวนนายธนพล กมลปราณี อายุ 39 ปี คนขับรถกระบะให้การว่าตนขับมาจาก อำเภอแม่สอด มารับจ้างขนแรงงานต่างด้าวจากป่าละเมาะ ถนนสายเลี่ยงเมือง อำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ จะไปส่งในพื้นที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี แต่ยังไม่รู้จุดนัดต้องรอเวลา แล้วคนติดต่อจะโทรมาบอกว่าให้ส่งจุดไหน โดยได้ค่าจ้าง หัวละ 1,200 บาทเพิ่งทำเป็นครั้งแรกส่วนรถที่ใช้ขนแรงงานเป็นของน้องสาว แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อคำให้การ
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังจะนำผู้ต้องหาลงจากรถเพื่อนำตัวไปสอบสวนที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ ได้สังเกตเห็นรถยนต์เก๋งสีขาวยี่ห้อโตโยต้า อแวนซ่า ทะเบียน 4 ขธ 6301 กรุงเทพมหานคร ลักษณะต้องสงสัยขับผ่านมาด้วยความเร็วจึงขับรถไล่ติดตามไปทันที่บริเวณสามแยกไฟแดงศรีประจันต์ จึงส่งสัญญาณให้คนขับจอดรถข้างทางและเข้าตรวจค้นพบคนขับชื่อนายโชคชัย รุ่งเรืองวงค์ตระกูล อายุ 50 ปี ภายในรถมีแรงงานต่างด้าวนั่งเบียดกันอยู่ที่เบาะหน้า 2 คน เบาะกลาง 4 คนและเบาะหลัง 4 คนแยกเป็นหญิง 6 คนชาย 4 คนรวม 10 คนเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวทั้งหมดกลับไปสอบสวนที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์
สอบสวนนายโชคชัย รุ่งเรืองวงค์ตระกูล อายุ 50 ปีคนขับรถเก๋งให้การว่าตนขับรถมาจาก อำเภอวังเจ้า มารับต่างด้าวชาวเมียนมา 10 คนในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ไปส่งในพื้นที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จะได้ค่าจ้างนำพาหัวละ 600 บาท ตนยังไม่รู้จุดนัดต้องรอปลายทางโทรมาก่อน แต่ยังไม่ทันส่งก็มาถูกจับก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดียวกันจับในพื้นที่ อำเภอดอนเจดีย์ ถูกดำเนินคดีศาลตัดสินจำคุก 4 อยู่ระหว่างอุธรณ์ แต่เพราะความจนไม่มีจะกินจึงกลับมาทำอีก
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังนำผู้ต้องหาลงรถเก๋งได้มีชายอ้างว่าชื่อวิชัย บ้านอยู่อำเภออู่ทอง โทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบอกมีคนให้มาช่วยขอเคลียร์ เจ้าหน้าที่จึงบอกว่าถ้าจะเคลียร์ให้มาที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ เจ้าหน้าที่รออยู่แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ว่าเป็นของใครเพื่อสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหานายโชคชัย รุ่งเรืองวงค์ตระกูล และนายธนพล กมลปราณี คนขับรถใน ข้อหาช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนแรงงานต่างด้าวถูกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมรถยนต์ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ ดำเนินคดีต่อไป