เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบชน. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.กฤษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.ศุภากร แก้วเขียว รอง ผกก.สส.บกน.4 พ.ต.ท.อภิโชค ขนบดี รอง ผกก.สส.สน.วังทองหลาง พ.ต.ต.เจตน์ดนัย ใจธิ สว.สส.สน.วังทองหลาง พร้อมฝ่ายสืบสวนสน.วังทองหลาง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายปฏิภาน หรือ บังลิก อายุ 30 ปี และนายสนธยา หรือ ขอน อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมด้วยของกลาง รถจยย.ฮอนด้า เวฟ 110i สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชุดที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ เสื้อกั๊กสีดำ ปักที่หน้าอกว่า police หมวกแก๊ปสีดำมีตราโล่ห์ตำรวจ เสื้อกั๊กสีดำ เสื้อยืด และหมวกแก้ปสีดำ โดยผู้ต้องหาทั้ง2คนถูกกดดันให้มามอบตัวที่สน.วังทองหลาง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่563/31 ชุมชนร่วมสามัคคี ซอยรามคำแหง39แยก25 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯเมื่อเวลา02.50น.วันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียหาย 3 ราย ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย อายุ 35 ปี ถูกยิงที่น่องด้านขวา นายสุพิทยา อายุ 30 ปี ถูกชิงสร้อยคอทองคำหนัก 7บาท และนายอภิวัตร อายุ 28 ปี ถูกชิงโทรศัพท์มือถือไอโฟน 13 โปรแม็ก1เครื่อง 


จากการสอบสวนนายปฏิภาน ให้การว่า ตนพักอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับบ้านที่ก่อเหตุ ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงปืนดังมาจากบ้านที่เกิดเหตุ4นัด ซึ่งปกติจะไม่มีใครกล้ายิงปืนในชุมชน เพราะใกล้สุเหร่า จึงขี่รถจยย.ออกไปกับนายสนธยาเพื่อดูว่าใครเป็นคนยิง เมื่อสอบถามชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า นายสุพิทยาเป็นคนยิง ซึ่งนายสุพิทยาเป็นเด็กแถวซอยปรีดีพนมยงค์ มากับเพื่อนอีก2คนมาหาเพื่อนในชุมชนเพื่อดื่มเหล้า เมื่อเมาได้ที่ก็ยิงปืนขึ้นฟ้า เหมือนเป็นการหยามเจ้าถิ่น ตนจึงกลับไปที่บ้านเปลี่ยนชุดให้เหมือนตำรวจ โดยใส่เสื้อกั๊กกับหมวกตำรวจที่ได้มาจากการเคยเป็นการ์ดที่ผับแห่งหนึ่ง เพื่อให้กลุ่มผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นตำรวจ เอาปืน11มม.ไปด้วย ตอนแรกคิดว่าจะเข้าไปแค่สั่งสอน แต่เหตุการณ์กลับบานปลาย นายเฉลิมชัย พยายามจะเข้าแย่งปืน ตนจึงยิงไปที่น่องเพื่อหยุดยั้ง และนายอภิวัตร ยกโทรศัพท์ถ่ายคลิป ตนจึงยึดโทรศัพท์ไว้ ขณะกำลังจะออกจากบ้านเห็นนายสุพิทยา ถอดเสื้อใส่ทองเส้นใหญ่ จึงกระชากติดมาด้วย หลังจากก่อเหตุเสร็จได้เอาอาวุธปืนไปโยนทิ้งในคลองแสนแสบ หน้าวัดเทพลีลา ส่วนทรัพย์สินที่ชิงมาได้นายปฏิภานอ้างว่าตกหายระหว่างทาง ตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และโดยใช้ยานพาหนะฯ และมีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติกการณ์ และยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ
  

ส่วนนายสุพิทยา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียน ยิงขึ้นฟ้าที่บ้านเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 02.30 น. จริง พนักงานสอบสวนได้แยกดำเนินคดีเป็นอีกคดีหนึ่ง และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ “มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติกการณ์ และยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน พร้อมยึดของกลางเป็นอาวุธปืนแบลงค์กัน ขนาด9มม.1กระบอก ซองใส่ และกระสุนขนาด9มม.10นัด ถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน