"จุลพันธ์" ยันกรอบเวลา "ดิจิทัล" เสร็จทัน พ.ค.นี้ ชี้ "กฤษฎีกา" ไฟเขียวกู้เงินได้ แต่มีข้อเสนอแนะ "เป็นวิกฤตหรือไม่-ความคุ้มค่า-รับฟังความเห็นรอบด้าน" เผย เตรียมประชุม ’คกก.นโยบาย‘ ลงมติ ดำเนินการต่อไปอย่างไร ย้ำ เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ยินดี ’สว.’ จ่อยื่นอภิปราย มั่นใจ ‘รบ.‘ พร้อมชี้แจง-ทำความเข้าใจ
วันที่ 8 ม.ค.2567 เวลา 15.50 น.ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 ถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบคำถามของกระทรวงการคลัง ว่า ยืนยันว่าสามารถออกพ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทได้ แต่มีข้อสังเกต และข้อเสนอแนะให้ปฏิบัติตามมาตรา 53 และมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ในเรื่องของความคุ้มค่า เพราะจะต้องมีการประเมินผลได้ทั้งก่อน และหลังโครงการ ในเรื่องของกลไกที่จะเป็นไปตามข้อกฎหมายตามมาตรา 53 คือเรื่อง ‘เป็นวิกฤตหรือไม่’ ซึ่งก็เป็นภาระหน้าที่ของทางกระทรวงการคลัง และแล้วก็เป็นภาระหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายจะดำเนินการให้ครบถ้วน
รมช.คลัง กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอแนะ คือเรื่องของการให้รับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ซึ่งก็คงจะต้องพิจารณาสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ และคงจะต้องมีการเชิญประชุมคณะกรรมการนโยบาย เพื่อที่จะเชิญทุกฝ่ายมา และก็คงต้องรบกวนทางเลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการให้นำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนทราบถึงคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา และสรุปให้ที่ประชุมฟังด้วยว่า ในความเห็นนั้นๆ มีความหมายและควรจะดำเนินการอะไรต่อ พวกเราก็ในฐานะกรรมการนโยบายหลังจากประชุมกันแล้ว ก็คงจะต้องมีมติว่าเราจะดำเนินการขั้นต่อไปอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ แต่เมื่อมีข้อเสนอแนะมา เราต้องรับฟัง
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เรายังพยายามยืนยันว่า กรอบเวลาจะต้องเป็นไปตามกรอบเดิม คือเป้าหมายเดิมในเดือน พ.ค. ณ ขณะนี้ ยังไม่มีเหตุให้เลื่อน
เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลไกของดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อให้ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยกลับไปสู่ระดับการเติบโตที่เต็มศักยภาพ นี่คือจุดมุ่งหมายของรัฐบาลนะครับ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เราก็ได้แสดงความเป็นห่วงตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นที่ค่อนข้างเร็ว และสูง ซึ่งเกิดกระทบกับพี่น้องประชาชนในวงกว้าง เมื่อมีตัวเลขในเรื่องของผลกำไรของกลุ่มธนาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นภาระที่ตกกับประชาชน แต่แน่นอนว่า กลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมันแบ่งแยกกัน ทั้งส่วนของรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต สว.จะขอยื่นอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิและหน้าที่ ซึ่งตนยินดี เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง และทำความเข้าใจอยู่แล้ว