เมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้อนรับ ดร. ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ (H.E. Dr. Frank-Walter Steinmeier) ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ภริยา และคณะ ซึ่งมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24 - 26 มกราคม 2567 ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี 

โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2567 ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฯ จะเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือระหว่างไทยและเยอรมนี 2 ฉบับในด้านระบบรางและวิทยาศาสตร์ และจะมีการแถลงข่าวร่วม โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีฯ และภริยาพร้อมด้วยคณะผู้แทนเยอรมัน ณ ทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานวโรกาสให้ประธานาธิบดีฯ พร้อมด้วยภริยา เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 

การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งแรกนับตั้งแต่ ดร. ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเมื่อปี 2565 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งเคยมีการเยือนประเทศไทยในระดับประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเมื่อปี 2545 (นายโยฮันเนส เรา (Johannes Rau)) และถือเป็นครั้งสำคัญเพราะเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของผู้นำรัฐจากต่างประเทศเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน 

การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้เป็นโอกาสของฝ่ายไทยและเยอรมนีในการเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรทั้งในด้านการเมือง การขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย รวมทั้งต่อยอดความร่วมมือในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานของค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนเป็นโอกาสกระชับความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ของโลกทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค เพื่อสานต่อไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership)

“นายกรัฐมนตรีเชิญประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อผลักดันผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งด้านการค้า การลงทุน พลังงาน ความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอาชีวะ และความมั่นคง โดยเชื่อมั่นว่า การเยือนครั้งสำคัญนี้จะต่อยอด ส่งเสริมความร่วมมือไทย-เยอรมนีในทุกมิติ และส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยในเวทีระหว่างประเทศ” นายชัย กล่าว