วันที่ 5 ม.ค.2566 ที่รัฐสภา นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล แถลงตอบโต้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ถึงการตั้งงบฯของกระทรวงกลาโหม ว่า ต้องขอบคุณที่นายสุทินได้ตอบคำถามหลังการอภิปรายงบฯกลาโหม ส่วนเรื่องเรือดำน้ำที่นายสุทินตอบว่าประเทศไทยก็เคยผิดสัญญา ไม่สามารถจ่ายเงินได้ในช่วงโควิด ความจริงในสัญญาเขียนเอาไว้อยู่แล้วถ้ามีเหตุไม่คาดคิด คาดฝัน หรือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดใดๆ ก็แล้วแต่ให้มาเจรจากัน เพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการปรับอะไรกัน ซึ่งช่วงโควิดประเทศจีนก็ไม่สามารถประกอบเรือดำน้ำได้เช่นกัน
ดังนั้นการที่นายสุทิน เอามาพูดว่าประเทศไทยเคยผิดสัญญามาก่อน ถือเป็นการตั้งธงทางความคิด ทำให้ประเทศไทยอยู่ในจุดที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก และจะทำให้เกิดการเสียเปรียบในการเจรจาเรื่องการผิดสัญญาของจีนต่อไปอีกในอนาคต ส่วนเรื่องดาวน์น้อยแสดงว่านายสุทินไม่ได้ตั้งใจที่จะลดงบฯ กลาโหมจริง ๆ แต่ถูกสำนักงบประมาณปรับลดลงมา เพราะเหลือเวลาใช้งบเพียง 4 เดือน
ด้านนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การออกมาแถลงข่าววันนี้ไม่ใช่การโต้ปิงปองทางการเมือง แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ที่นายสุทินบอกว่ามีความตั้งใจดี ฟังแล้วน่าจะคล้อยตาม แต่ในเอกสารงบฯจะเห็นรายการคาดการณ์รายจ่าย หากนายสุทินอ้างว่าเวลา 3 เดือน ไม่สามารถจัดการงบฯ ในปี 2567 ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าการคาดการณ์ตัวเลขปี 2568-2570 จะไม่สามารถจัดการได้ แต่กลับเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น เรื่องนี้จะเห็นได้ว่า รัฐมนตรีไม่เคยใส่ใจที่จะดูแลรายละเอียดงบฯเลย งบที่คาดการณ์ หรือพยากรณ์ไปข้างหน้าก็ควรจะอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
ส่วนการก่อสร้างโครงการสนามบินอู่ตะเภา ตนคิดว่านายสุทินน่าจะฟังข้าราชการทหารมากเกินไป จึงอยากให้รัฐมนตรีไปสืบค้นเอกสารก่อนว่าสถานะครั้งหนึ่งมติ ครม.เคยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นคนดูแลโครงการนี้ แล้วไปกู้เงินกับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) แล้ว ซึ่งอนุมัติกรอบเงินกู้ในอัตราที่ลดลงจากครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็มีมติคณะกรรมการกลับให้กองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียว และสุดท้ายโครงการก่อสร้างนี้ต้องโอนความรับผิดชอบภารกิจทั้งหมดให้ไปอยู่ใน สกพอ.แล้ว
"ยืนยันว่า ไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่กองทัพเรือจะเป็นผู้กู้เงินจากต่างประเทศ และผูกพันตั้งงบฯ ตั้งแต่ปี2567-2570 อยากให้รัฐมนตรีตรวจสอบโครงการนี้อย่างเคร่งครัด ถ้ากองทัพเรือมีความจริงใจจริง ก็อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรง เป็นผู้ดำเนินการกู้เงิน ซึ่งขณะนี้ธนาคาร AIIB ก็ยังไม่ได้อนุมัติวงเงินให้กับประเทศไทยเลย
จึงยืนยันว่าถ้ากองทัพเรือยังเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ธนาคารเงินกู้จากต่างประเทศเขาอาจจะไม่ให้ สุดท้ายแวะมาเป็นภาระงบประมาณประเทศไทยในปีถัดไปมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้รัฐมนตรีขอให้ทบทวนโครงการ ซึ่งควรให้สกพอ.รับผิดชอบโดยตรงมากกว่ากองทัพเรือ" นายเอกราช กล่าว