หมายเหตุ : “ดร.ภิญโญ พงษ์เจริญ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  ให้สัมภาษณ์พิเศษ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์”  วิเคราะห์เจาะลึกถึง “ดวงเมือง” ปีมะโรง ปีงูใหญ่ 2567 จะมีเรื่องใด เหตุการณ์ใดที่ต้องเฝ้าจับตากันเป็นพิเศษหรือไม่  การเมืองจะร้อนแรง ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ โปรดติดตาม

ดร.ภิญโญ ระบุว่า โหราศาสตร์จะให้ความสำคัญกับดาวตรีเทพ คือ ดาวพฤหัสบดี(5) เสาร์(7)และราหู(8) มากที่สุด ที่สุด คำพยากรณ์ดวงเมือง ในปี พ.ศ. 2567 นี้ จึงขอใช้ดาวตรีเทพทั้งสามองค์ดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการพยากรณ์ 

การโคจรของดาวพฤหัสบดี(5) ในปี 2567

วันที่  1  มกราคม  2567  เวลา  00.00 น. ดาวพฤหัสบดี(5)โคจรเดินหน้าอยู่ในราศีเมษ(กลุ่มดาวแกะ) ที่ระยะ  11  องศา  54  ลิปดา จากนั้นจะโคจรเดินหน้าไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งถึงวันที่  30  เมษายน  2567 เวลา 12.45 น. จึงโคจรยกเข้าสู่ราศีพฤษภ(กลุ่มดาวโค)  ดาวพฤหัสบดี(5) จะโคจรเดินหน้าอยู่ในราศีพฤษภไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโคจรถึงระยะ 28 องศา  49 ลิปดา ในวันที่ 4  ตุลาคม 2567  จึงเปลี่ยนวิถีการโคจรเป็นถอยหลังไปทางทิศตะวันตกเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันสิ้นปี จะโคจรถอยหลังอยู่ในราศีพฤษภ ที่ระยะ 19 องศา  56  ลิปดา

สรุปปี 2567 ดาวพฤหัสบดี(5)จะโคจร 2 ราศีต่างกาลเทศะกัน

ขณะนี้โคจรตรงราศีเมษและจะอยู่ไปถึงวันที่ 30 เม.ย. 2567 จากนั้นจะย้ายเข้า “ราศีพฤษก” และจะสถิตอยู่ราศีพฤษภไปจนถึง 13 พ.ค.2568 ก่อนจะย้ายราศีเข้าราศีมิถุน

ดาวพฤหัสอยู่ในภพที่ 1 ของดวงเมือง ท่านว่า ประเทศจะเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความผาสุก การค้าขายดี ความสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศก้าวหน้าดี  มีศานติสุข  ศาสนาแพร่หลาย กิจการการกุศลก้าวหน้า

แต่ถ้าตกอยู่ในโยคเกณฑ์ร้าย ผลประโยชน์จะลดลง ตามสภาพของตำแหน่งสัมพันธ์ที่มีกับดาวเคราะห์อื่น เช่น “พฤหัสไปสัมพันธ์กับดาวอังคาร” จะมีการใช้จ่ายสูง การเจรจาอาจมีความขัดแย้ง โน้มน้าวไปสู่ความรุนแรง สงคราม แต่ถ้าโยคเกณฑ์ร้ายกับดาวเสาร์ การเงินประเทศจะได้รับความเสียหาย ถ้าเป็นดาวมฤตยู จะอำนวยความอับโชคให้รัฐบาล แต่ถึงมีปัญหาบ้าง ก็จะเรียบร้อยในที่สุด 

ตอนนี้อายุเมืองจะครบ 242 ปีในวันที่ 21 เม.ย. 2567 ดาวพฤหัสจึงยังเป็นกาลกิณีจร จะให้ความยุ่งยากตามความหมายดาวพฤหัสบดี จะให้ผลร้าย ให้โทษทางด้านกฎหมาย ศีลธรรม คือ เกิดการใช้กฎหมายมาห้ำหั่นกัน หรือที่เรียกว่า “นิติสงคราม” (lawfare) ใช้กฎหมายใช้ศาลเป็นเครื่องมือมากลั่นแกล้งกัน ทำลายล้างกัน  ชิงไหวชิงพริบ ช่วงชิงผลประโยชน์  เป็นการใช้กฎหมายเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมักปรากฏในรูปการดำเนินทางกฎหมายและทางสื่ออย่างกว้างขวาง เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายจนอ่อนแอลง

ภาพปรากฏที่ผ่านมาดาวพฤหัสกุมกับราหูตรงราศีเมษ ตอนนี้พระราหูย้ายเข้าราศีมีน ส่วนดาวเสาร์อยู่ตรงราศีกุมภ์  ดาว 3 ดวงนี้มีโยคเกณฑ์สัมพันธ์ พฤหัสถือเป็นจอมเทพ ส่วนราหูเป็นจอมมาร เทพกับมารกุมกันผสมกลมกลืนกัน การตั้งรัฐบาลก็ออกตามดวงดาวที่ผสมกันนี้

ดาวพฤหัสบดีจะโคจรย้ายเข้าราศีพฤษภในวันที่ 30 เม.ย. 2567 และจะอยู่ราศีพฤษภถึง 13 พ.ค. 2568พฤหัสบดีอยู่เรือนเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง จะอำนวยโชคดีทางด้านการเงิน การคลัง  เศรษฐทรัพย์ ทั้งหมดของประเทศ การค้าขายรุ่งเรือง ภาษีอากรเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนจะเสียภาษีน้อยลง โดยได้รับอานิสงค์จากดาวดวงนี้

นอกจากนี้ อาจมีความยุ่งยากเกี่ยวกับสภาพดาวเคราะห์ที่เข้ามาเบียน เช่น ดาวอังคารเบียนแสดงถึงการใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกองทัพ กองกำลังต่างๆ หาก “เสาร์เบียน” จะเกิดความคับขัน  ล้มเหลว สูญเสียทางการเงิน ธนาคาร สถาบันการเงิน ตลาดหุ้น

ดาวพฤหัสบดีโคจรเข้าราศีพฤษกไปกุมกับดาวมฤตยูที่โคจรจรออยู่ก่อนหน้านี้ ท่านเรียก “พฤหัสมฤตยูครูวิเศษ” จะมีการใช้กลวิธีใหม่เกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร จะมีระเบียบวิธีการใช้จ่ายเงิน ปริวรรตเงินตราเข้าสู่มิติใหม่แปลกไปจากเดิม มีการพัฒนาวิธีการ ระเบียบ และกฎหมายทางการเงินที่สำคัญเข้าสู่สภาหลายครั้ง แต่ระวังเรื่องการแข่งขันทางการเงินรุนแรง  การเงินจะเฟื่องฟู แต่กลัวภาวะเงินเฟ้อที่ค่อนข้างรุนแรง

2.การโคจรของดาวเสาร์(7) ในปี 2567

วันที่ 1 มกราคม 2567 เวลา 00.00 น. ดาวเสาร์(7)โคจรเดินหน้าอยู่ในราศีกุมภ์(กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ)  ที่ระยะ  3  องศา  39  ลิปดา จากนั้นจะโคจรเดินหน้าไปทางทิศตะวันออกของแถบสุริยวิถีไปเรื่อยๆ จนถึงระยะ 19 องศา 54 ลิปดา ในวันที่ 29  มิถุนายน  2567  จึงเปลี่ยนวิถีการโคจรเป็นถอยหลังไปทางทิศตะวันตกเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงระยะ 12 องศา  17 ลิปดา ในวันที่  2 พฤศจิกายน  2567  จึงเปลี่ยนวิถีเป็นโคจรเดินหน้าในราศีกุมภ์ไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันสิ้นปี จะโคจรเดินหน้าอยู่ในราศีกุมภ์ ที่ระยะ 14  องศา 34  ลิปดา ดาวเสาร์โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2566-19 พ.ค.2568 เป็นมูลเกษตร(เกษตรดั้งเดิม)

เป็นมาตรฐานที่สร้างความมั่นคงให้ดาวเสาร์ เสาร์เป็นเจ้าเรือนกัมมะ หมายถึง การบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ใช้อำนาจบริหาร เช่น นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เมื่อดาวเสาร์โคจรในภพที่ 11 “กัมมะ-ลาภะ” การงานที่เคยทำไว้ หรือ ทำอยู่ก็จะประสบความสำเร็จ ได้ลาภผล  มีรายได้และผลประโยชน์ มิตรให้ความช่วยเหลือ แสดงว่า ผลงานรัฐบาลที่เคยทำไว้ในยุคก่อนๆ จะส่งผลดีเป็นรูปธรรมปรากฏให้เห็นในรัฐบาลชุดนี้

เสาร์ในภพนี้ตามตำราบอกว่า รัฐบาลจะมั่นคง งานรัฐสภาจะก้าวหน้า แม้ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านอย่างหนัก ความสำเร็จจะมียิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าได้รับการสนับสนุนจากดาวอาทิตย์หรือมฤตยู และหากได้รับการสนับสนุนจากดาวพฤหัส ดาวศุกร์ หรือดาวจันทร์ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ หรือที่เกี่ยวกับการเงิน จะดำเนินไปได้อย่างพึงพอใจ 

แต่ถ้าโยคเกณฑ์ร้ายกับบาปพระเคราะห์การบัญญัติกฎหมายการเงินจะชะงักงัน เกิดชักช้า เกิดภัยจากคะแนนเสียงข้างมาก เกิดความเสียหายของ พ.ร.บ.บางฉบับ เกิดความไม่พอใจภายในพรรค เกิดปัญหายุ่งยาก โดยเฉพาะกฎหมายทางการเงิน ถ้าดาวเคราะห์เบียนมาจากภพที่ 8 ส่งผลให้บุคคลสำคัญ รัฐบุรุษบางคนจะถึงแก่กรรม ภพ 11 หมายถึง รัฐสภา

จึงพยากรณ์ว่า ส.ส.คนสำคัญ อาจจะถึงแก่กรรม แล้วมีการเลือกตั้งซ่อม  การเลือกตั้งซ่อมมักไร้ผล  ไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้

3.การโคจรของราหู(8) ในปี 2567

วันที่  1  มกราคม  2567  เวลา  00.00 น. ราหู(8)โคจรอยู่ในราศีมีน(กลุ่มดาวปลาตะเพียนคู่)  ที่ระยะ 25 องศา 58 ลิปดา  จากนั้น ราหู(8)จะโคจรย้อนวิถีไปทางทิศตะวันตกเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง  วันสิ้นปี คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 24.00 น. ราหู(8) จะโคจรอยู่ในราศีมีน ที่ระยะ 6 องศา 34 ลิปดา

สรุปราหู(8)จะโคจรอยู่ในราศีมีนตลอดทั้งปี

ช่วงสามปีที่ผ่านมา ราหูทำร้ายดวงเมืองมาตลอดตั้งแต่อยู่ราศีพฤษก อยู่ในภพที่ 2 เรียก “ราหูค้นทรัพย์” อย่างตอนโควิดระบาดก็มีการกู้เงินจำนวนมาก อยู่ราศีเมษในภพที่ 1 เรียก “ราหูค้นตัว” ค้นจนไม่เหลือหลอ ตัวล่อนจ้อน

มาตอนนี้ราหูยกจากราศีเมษเข้าราศีมีน และอยู่ราศีมีนไปถึงวันที่ 5 พ.ค.2568 ทำให้ความมืดมนที่ครอบงำดวงเมืองค่อยๆ หายไป ก็น่าจะส่งผลดี แต่ในดวงเมือง ราศีมีนมีดาวตั้งรับอยู่ 3 ดวง คือ จุดราหู จุดพระพุธ จุดพระศุกร์ ตั้งรับอยู่ด้วย

“ราหูจรทับราหูเดิม”  บาปเคราะห์ทับตัวเองจึงไม่ค่อยดี เพราะราหูเป็นตัวแทนผู้ปกครองราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นภพที่ 11 ของดวงเมือง หมายถึง รัฐสภา สภาออกกฎหมาย การกำหนดนโยบายของชาติ เมื่อราหูทับราหูจะให้โทษ เกิดการสูญเสีย เกิดปัญหาครั้งสำคัญ สับสน วุ่นวายเสียหายในสภาหรือพรรคการเมือง

“ราหูจรทับพุธเดิม” อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการคมนาคม การเดินทาง  การขนส่ง  การโดยสาร  มีคดีสำคัญเกี่ยวกับการสื่อสาร  คดีหมิ่นประมาท “ผู้ใหญ่ต้องโทษ” หรือ “ผู้ใหญ่ให้โทษ”

“ราหูจรยังผ่านศุกร์เดิม”ศุกร์เป็นเจ้าเรือนที่ 2 ซึ่งเป็นดาวเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การธนาคาร และยังเป็นเจ้าเรือนที่ 7 หมายถึง กิจการต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้นต้องเอาใจใส่ดูแลเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจการเงินการคลังให้ดี ที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และความสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศแดนไกล ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือหรือความขัดแย้งที่สามารถเกิดขึ้นได้

ในปี 2567 จะเกิดอุปราคาเกิดขึ้น รวม  4 ครั้ง เกิดในราศีกันย์ 2 ครั้ง  ราศีมีน 2 ครั้ง  ราศีทั้งสองนี้เป็นทวิภาวะราศี จึงส่งผลตามราศีที่อุปราคาอุบัติ จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ยุ่งยาก สลับซับซ้อน ยากแก่การสอบสวน เรื่องที่เกี่ยวกับประชาชนคนส่วนใหญ่ เกษตรกร กรรมกร แรงงาน การนัดหยุดงาน อาชญากรรม โรคภัยไข้เจ็บ ความยุ่งยากทางศาสนา การศึกษา มีผลตามหลังมาด้วยอุบัติเหตุเกี่ยวกับการเดินทางและการท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางทะเล

“อุปราคา” เกิดในราศีกันย์ซึ่งเป็นธาตุดิน 2 ครั้ง อุปราคาในราศีธาตุดินจะทำความเสียหายให้พืชผลทางการเกษตร โลกธุรกิจถูกก่อกวน กระทบกระเทือนทางการค้า และเกษตรกรรมเสียหาย เกิดความยุ่งยากมีปัญหาทางการเงิน เกิดความอับโชคเกี่ยวกับรัฐบาล และเกิดภาวะฝนแล้ง ดังนั้น ปีหน้าภัยแล้งจึงเป็นปัญหาสำคัญ

แต่ในบางพื้นที่บางเวลาก็เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำ  เพราะปีหน้าเกิดอุปราคาในราศีธาตุน้ำ คือ ราศีมีน 2 ครั้ง ส่งผลทำให้บางพื้นที่ฝนตกมากเกินไป สร้างความเสียหายจากอุทกภัย การตายจากการจมน้ำ อุบัติเหตุทางน้ำ ความยุ่งยากเกี่ยวกับอาชีพที่เกี่ยวกับน้ำ หรือของเหลว ความเจ็บป่วย ภัยจากโรคระบาด  ซึ่งจะมีจำนวนคนตายมากขึ้น และยังมีคนสำคัญตายด้วย แต่ถ้าเป็น “จันทรุปราคา”  ชนชั้นกรรมาชีพเดือดร้อน ไม่พอใจ มีปัญหาคนหมู่มาก  ระวังอาชญากรรมลึกลับ ยุ่งยากต่อการสืบสวน

อุปราคาสมผุสที่ราศีกันย์ 2 ครั้ง เป็นจันทรุปราคาเงามัว 1 ครั้ง และสุริยุปราคาวงแหวน  1 ครั้ง

ราศีกันย์เป็นภพที่ 6 ของดวงเมือง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประเทศ ประชาชนถูกกระเทือนด้านสุขภาพอนามัย ธุรกิจและการงานประสบความอับโชค อาจเกิดปัญหาการว่างงาน การขัดใจระหว่างนายจ้าง กับลูกจ้าง การนัดหยุดงาน บริการของประเทศถูกกระทบกระเทือน

ส่วนอุปราคาในราศีมีนอีก 2 ครั้ง เป็น “สุริยุปราคาเต็มดวง” 1 ครั้ง กับ “จันทรุปราคาบางส่วน” อีก 1 ครั้ง ราศีมีนเป็นที่ตั้งของภพที่ 12 ของดวงบ้านเมือง

อุปราคาเกิดขึ้นในภพ 12 จะนำความอับโชค ความเศร้าโศกเสื่อมเกียรติ เสื่อมโทรมสู่ประเทศหรือรัฐบาล ยิ่งเป็นสริยุปราคาเต็มดวง เรือนจำ ราชทัณฑ์ ที่กักขัง คุมขัง  ที่ดัดสันดาน โรงงาน โรงพยาบาล  สถานการกุศล จะถูกกระทบกระเทือน อาชญากรรมลึกลับเพิ่มขึ้น และถ้าเป็นจันทรุปราคา ประเทศเผชิญศัตรูลึกลับจากต่างประเทศ

ในปี 2567 ดาวอังคารโคจรถอยหลังเข้ามาใกล้โลกช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย  ภัยธรรมชาติที่รุนแรงในปีหน้าเป็นบางช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอังคารกุมกับดาวเสาร์ เกิดอุบติเหตุ อุบัติภัยค่อนข้างชุก ช่วงวันที่ 15 มี.ค. 2567 - 23 เม.ย.2567 อุบัติเหตุจะแรง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ลมพายุฤดูร้อน น้ำแล้ง 

อีกสองช่วง คือ “ตอนอังคารกุมราหู” ช่วงวันที่ 26 เม.ย. 2567-2 มิ.ย.2567 และตอน“อังคารกุมพระมฤตยู” ช่วงวันที่ 13 ก.ค. 2567-26 ส.ค.2567

ช่วงที่น่าสนใจที่สุด คือ คือช่วงอังคารโคจรถอยหลังในราศีกรกฎ โดยอังคารโคจรยกเข้าราศีกรกฎในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 และโคจรไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดนิ่งที่ระยะ 13 องศา 16 ลิปดา ในวันที่ 3  ธันวาคม 2567 แล้วเปลี่ยนวิถีการโคจรเป็นถอยหลังเข้ามาใกล้โลก คืออยู่ด้านเดียวกับโลก อังคารจะเล็งกับดวงอาทิตย์ ส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวเสาร์ จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ มีเรื่องราวค่อนข้างรุนแรง ช่วงปลายปี จึงควรระวังช่วงปลายปี ประมาณวันที่ 3 ธ.ค. 2567 – ต้นปี 2568 

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายจุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งประมาณ เดือนพฤษภาคม 2567 การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างน้อยก็มีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและยิ่งใหญ่ น่าจะมีกาลเทศะช่วงราหูจรอยู่ราศีมีนทับจุดตั้งรับสำคัญ อยู่แถวต้นๆราศี เพราะราหูจะมีวัฏฏะ 18 ปี ถ้าย้อนไป 18 ปีที่แล้ว พบว่าวันที่ 19 ก.ย.2549 ราหูก็อยู่ตรงนี้

ปีนั้นอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดอำนาจโดย คณะ คมช. แล้ววงรอบของราหูจะกลับมาอีกรอบหนึ่ง ในกาลเทศะที่สัมพันธ์กันเช่นนี้ หวั่นเกรงว่าจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก ประกอบกับในวันที่ 19 ก.ย.2567 จะเกิดอุปราคาตรงราศีมีนสัมพันธ์กับเหตุการณ์รัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.2549  สัมพันธ์จุดราหูดวงเมืองก็อยู่ในราศีมีน สัมพันธ์จุดราหูของอดีตนายกฯที่อยู่เบื้องหลังก็อยู่ตรงราศีมีน และยังสัมพันธ์ดวงนายกฯคนปัจจุบันด้วย 

ดังนั้น จึงพยากรณ์ได้ว่าปลายปีจะมีอะไรแรงๆ มาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ และจะเชื่อมโยงไปถึงต้นปี 2568ด้วย !