“อนุทิน” แจง มท.ได้งบเยอะ กว่าร้อยละ 30 ถูกจัดสรรเป็น “งบลงทุน” มุ่งพัฒนาให้ประชาชนได้รับบริการ “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” เน้นความสำคัญสูงสุดสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 4 ม.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธฺ สันดิภาดา รองประธานสภาผู่แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง
ซึ่งการอภิปรายในช่วงค่ำบรรดารัฐมนตรีได้ทยอยขึ้นชี้แจง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงถึงกรณีที่มีการแม้จะได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด และมีสัดส่วนงบลงทุนที่สูงเมื่อเทียบกับกระทรวงอื่นๆ แต่กว่า ร้อยละ 30 ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด 459,828 ล้านบาทนั้น เป็นการจัดสรรเป็นงบลงทุน ซึ่งทำให้สบายใจในเบื้องต้นว่าเรามาถูกทาง ในเรื่องการจัดสัดส่วนงบประมาณ และถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ากระทรวงมหาดไทยได้เน้นไปที่เรื่องของการพัฒนา ให้ประชาชนได้รับบริการและการดูแลที่มีความ “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ตามแนวทางที่วางไว้ และมีส่วนสำคัญในการชดเชยกับความถดถอยที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกโดยงบประมาณ 459,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.53 ถือว่ามีสัดส่วนการเพิ่มที่สอดคล้องกับงบประมาณรัฐบาลในภาพรวม โดยทั้งหมดถูกแบ่งไปยังส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหากไล่เรียงตามยุทธศาสตร์แล้วยังพบว่ากระทรวงมหาดไทยได้มีการใช้จ่ายเงินเป็นสัดส่วนสูงในยุทธศาสตร์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยเป็นวงเงินถึง 344,600 ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็นเกือบ ร้อยละ 75 ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งมาจากการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอันดับต้นๆ เพื่อตอบสนองการลดความเหลื่อมล้ำ
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนโครงการลงทุนสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการในปี 2567 ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2 โครงการที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการประชาชน สนองนโยบาย E-government เช่น โครงการอำนวยการบริหารการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ประชาชน ในการออกหนังสือผ่านแดนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Border Pass โครงการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิตัล หรือ Digital ID โครงการสนับสนุนการบูรณาการและการขับเคลื่อนนโยบายในระดับอำเภอ การจัดการ ฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาชุมชน โครงการของกรมที่ดินที่เกี่ยวกับการพัฒนาสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิคส์ และการจัดการข้อมูลที่ดิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของสำนักงานที่ดิน เพื่อรองรับสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ และโครงการพัฒนาบริการประเภท One Stop Service ต่างๆ เป็นต้น
“นอกจากการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว กระทรวงมหาดไทย ยังคำนึงถึงการดำเนินการที่ไม่ได้ใช้เงินเพิ่ม แต่สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือรายได้ของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย การปราบปรามผู้มีอิทธิพลไม่ให้เกิดการทุจริตในท้องที่ การปรับเวลาเปิดสถานบริการที่จะเอื้อให้คนทำมาหากินได้มากขึ้นอย่าง ปลอดภัย การควบคุมอาวุธปืนที่ การสนับสนุนนโยบายฟรีวีซ่าและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลนักท่องเที่ยวนอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการการบูรณาการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลประชาชน เช่น การแก้ไขหนี้นอกระบบซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่บูรณาการร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอย้ำกับทุกท่านว่านอกจากการจัดสรรงบประมาณเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือใช้ ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด และนี่คือแนวทางที่ตนใช้กับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในกำกับทั้งหมดและขอเรียนให้ความมั่นใจว่ากระทรวงมหาดไทยจะใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน