วันที่ 4 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่สอง ต่อมานายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.งบฯ เนื่องจากเป็นการกำหนดงบประมาณตามโครงการที่เป็นเหมือนคัดลอกแผนงานเดิมและวางไว้ในปีงบประมาณ 2567 อีกทั้งยังพบว่า การจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ พบว่าเป็นแบบกว้าง ไม่มียุทธศาสตร์ และการปรับตัว รวมถึงจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานที่ไม่มีพันธกิจที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น  ยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ ที่วางพันธกิจเพิ่มการค้าการลงทุน ตนมองว่าควรจัดสรรงบให้กับกระทรวงพาณิชย์มากกว่ากระทรวงการต่างประเทศ เพราะกระทรวงพาณิชย์มีทูตพาณิชย์ และมีบุคลากรที่จะสามารถดำเนินการได้มากกว่ากระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้พบว่าเป้าหมายหลักของกระทรวงการต่างประเทศที่วางพันธกิจหลักคือการสร้างขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หากยืนยันจะทำตามสิ่งที่เสนอ เหมือนกับนำนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ไปแข่งตีปิงปอง

นายกัณวีร์ กล่าวว่า สำหรับยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่มักพูดถึงการสร้างโอกาสและความเท่าเทียม เสมอภาค แต่ดัชนีชี้วัดจำนวนคนที่เข้ามาอบรม แต่ไม่ใช่การสร้างโอกาสที่แท้จริง ทั้งด้านการศึกษา การพัฒนามนุษย์  จากการพิจารณารายละเอียดของการจัดสรรงบประมาณเห็นชัดเจนว่าขาดมืออาชีพด้านการสร้างนโยบาย วิเคราะห์แผน 

“รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยที่แสดงความเชื่อมั่นกับประชาชนว่ามีประสบการณ์จากพรรคไทยรักไทยในอดีต เน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และนายกฯที่มาจากภาคเศรษฐกิจทำให้ประชาชนคาดหวังว่า หน้าตาของร่างพ.ร.บ.งบฯ 67 จะแตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ 3 เดือนที่มาบริหาร มากพอจะแก้ไขสาระสำคัญของร่างกฎหมายงบประมาณ แต่ไม่พบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่าคิดเป็น ทำเป็น ผมมองว่าได้คิด หรือคิดได้ และทำงบประมาณปี 67 สมกับที่ประชาชนคาดหวัง มีหลักคิดไม่เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมาได้หรือไม่ แต่เนื้อหายังพบเนื้อหาที่ทำให้คิดถึงรัฐบาลเก่า ซึ่งผมมองว่าเป็นงบฝากเลี้ยงส่งต่อจากรัฐบาลเดิม ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการเสนอร่างพ.ร.บ.งบฯ67” นายกัณวีร์ กล่าว