วันที่ 4 ม.ค.2567 เวลา 08.45 น.ที่รัฐสภา นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ต่อวันที่ 2 ของฝ่ายค้านว่าผิดคาด ตอนแรกนึกว่าน้องๆ พรรคก้าวไกลจะอภิปรายออกไปนอกจอ แต่เป็นการอภิปรายเชิงวิชาการ โดยเฉพาะน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็ดี คงเหลือเพียงวาทกรรมเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้แรง ทำให้บรรยากาศเงียบเหงากว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เป็นเหมือนสงครามกลางสภาฯระหว่าง 3 ป. ฝ่ายค้านที่มีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จึงเหมือนคู่ตรงข้ามอย่างชัดเจน จึงอาจจะบู๊กันตั้งแต่เรื่องงบประมาณไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายครูมานิตย์ กล่าวว่า มีการพูดคุยระหว่างนายกฯและ สส. ของพรรคเพื่อไทยโดยตลอด เพราะตนก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแล สส. รุ่นน้องในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงประสานงานกับวิปฝ่ายค้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ประจำอยู่ที่รัฐสภาตลอด ไม่ได้มีความกังวล และเปิดโอกาสให้ สส. จากพรรคร่วมรัฐบาลไปพบเป็นการส่วนตัวที่ห้อง เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่
เมื่อถามว่ามีการอภิปรายเกือบจะพาดพิงถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า สภาวันนี้คงแยกแยะกันออก ยกเว้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตนจึงลุกขึ้นมาประท้วง เนื่องจากเห็นว่า นายจุรินทร์ เป็นนักการเมืองอาวุโส
"ถ้าเป็นน้องๆเด็กๆมาอภิปราย ผมก็ไม่ค่อยซีเรียส คนเคยเป็นรองนายกฯเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการมาแล้วไม่รู้กี่กระทรวง มาอภิปรายเรื่องรองเท้า แล้วก็พยายามพายเรือออกนอกกรอบ นี่เป็นสไตล์เดิมๆ ซึ่งก็ไม่แปลก แต่อยากจะเตือนว่าหากจะอธิบายเรื่องนี้ก็มีเวทีอยู่ เรื่องงบประมาณไม่ได้เกี่ยวข้องกับการล้มป่วยของนายทักษิณ ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเลย" ครูมานิตย์ กล่าว
นายครูมานิตย์ กล่าวยอมรับว่าอาจจะประท้วงนายจุรินทร์ เร็วเกินไปนิดหนึ่ง คิดว่าต้องประท้วงไว้ก่อน และเชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ต้องมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว ส่วนจะมีคนบอกว่าตนเองเป็นองครักษ์รัฐบาลหรือไม่ ก็แล้วแต่มุมมอง เพราะตนเองก็เป็นผู้แทนราษฎรมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีหัวหน้าพรรคเป็น นายทักษิณ ตามด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่รู้จักและมีความเคารพนับถือกัน
"ผมตอบแบบไม่อายเลยว่า บางครั้งมันมีความจำเป็น เพราะว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้ผมได้มีโอกาสยืนอยู่ ในสภาฯวันนี้ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อครั้งท่านยังเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอยู่" นายครูมานิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรให้กรณีของ นายทักษิณ ไม่ให้ถูกนำมาเชื่อมโยง นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จะให้ตนมาตอบแทนตรงนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่าการอภิปรายของ น.ส.ศิริกัญญา ที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีฝีมือในการบริหารประเทศนั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า เป็นวาทกรรม เป็นมุมมอง แม้ตนเองจะยอมรับในการอภิปรายของ น.ส.ศิริกัญญา แต่การใช้งบกลางก็เหมือนการตีเช็คเปล่าอยู่แล้วในทุกๆ รัฐบาล มองว่ามีทั้งวาทกรรมผสมไปกับวิชาการ หากสักวันถ้าพรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้ง และพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แล้วเขาจะรู้ว่าการเป็นฝ่ายปฏิบัติกับฝ่ายทฤษฎีนั้นต่างกัน