โหรวันชัยทำนายดวงการเมืองส่งท้ายปีกระต่าย รัฐบาลเศรษฐา มีเสถียรภาพมั่นคง ดวงแข็งโป๊กอุ๊งอิ๊งมีแนวโน้มนั่งนายกฯปีที่ 3 - 4 ด้าน จุรินทร์ ลุยอภิปรายงบฯปี 67 สอนมวยรัฐบาล ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัวถูกซักฟอก ดุสิตโพล เผยที่สุดแห่งปี66 ปชช. ยกการเลือกตั้งเหตุการณ์แห่งปี พิธา-ศิริกัญญา นักการเมืองแห่งปี 

     เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายร่าง พรบ.งบประมาณประจำปี 2567 ในวันที่ 3-5 ม.ค.2567นี้ว่า สำหรับตนได้รับมอบหมายจากประธาน สส.ของพรรค คือนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ให้เป็นผู้อภิปรายคนแรกของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเป็นการอภิปรายในวันที่ 3 ม.ค. โดยคงจะเป็นการพูดในภาพรวมและไม่ลงลึกในรายละเอียดเพราะมีเวลาจำกัด แต่ก็จะพูดตามเนื้อผ้า สะท้อนให้เห็นว่า พรบ.งบ ของรัฐบาลชุดนี้เป็น อย่างไร เพื่อให้ประชาชนเจ้าของเงินได้เห็นภาพ 
   
  ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลออกมาดักคอห้ามซักฟอกรัฐบาล เพราะไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัว  ส่วนในพรรคประชาธิปัตย์จะมีใครอภิปรายอีกบ้าง ก็คงเป็นเรื่องของการที่ประธานส.ส. กับวิปของพรรค จะเป็นผู้ประสานงานต่อไปและวันที่ 2 ม.ค. จะมีการประชุม สส.ของพรรคซึ่งจะมีข้อสรุปทั้งหมด
    
 ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการทำงาน 4 กระทรวงหลักภายใต้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตั้งแต่พรรครทสช.เข้ามาทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐมนตรีทุกคน นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรค ได้เป็นตัวอย่างในการทำงานอย่างเต็มที่ และกำชับรัฐมนตรีของพรรครวมถึงสส.ให้ใช้โอกาสนี้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ เช่น กระทรวงพลังงาน ได้เสนอออกมาตรการลดค่าไฟฟ้าให้ภาคครัวเรือนและกลุ่มเปราะ ที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะอยู่ที่ 3.99บาทต่อหน่วย  ส่วนผู้ใช้เดินคิดอัตรา 4.20 บาทต่อหน่วย คงราคาก๊าซหุงต้มถัง 15 ก.ก.ที่ 423 บาท ตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล ให้คงอยู่ที่ไม่เกินลิตรละ 30 บาทขยายต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟกับน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 4 เดือน ม.ค.- เม.ย.67 และยังแก้โครงสร้างพลังงานและแก้กฎหมาย เนื่องจากพบปัญหาปั้มน้ำมันอาศัยช่องโหว่กฎหมายเติมน้ำมันไม่เต็มลิตร ทำให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครทสช. ต้องเร่งแก้ปัญหารื้อทั้งระบบ  ขณะที่กระทรวงการคลัง ดูเรื่องการลงทุนช่วยเหลือภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ SMEs ต่าง ๆ ส่วนภาคประชาชนได้ให้ความรู้เรื่องการออม การบริหารจัดการรายได้ จัดทำบัญชีครัวเรือนและลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ ฯลฯ   กระทรวงอุตสาหกรรม ออก 8 มาตรการปราบสินค้าออนไลน์ ไร้มาตรฐาน ให้หมดภายใน 6 เดือน  เร่งยกระดับ ตั้ง กรมอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อรองรับการขยายโอกาสอุตสาหกรรมใหม่ของไทย การสนับสนุนพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี  ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาตรการพักหนี้เกษตรกร ส่งเสริมแปรรูปสินค้าเกษตรครบวงจร พัฒนาสู่เกษตรมูลค่าสูง ผลักดันโครงการสร้างรายได้ให้เกษตรกรต่อเนื่อง สนับสนุนการแก้กฎหมายให้ที่ดิน สปก.เป็น โฉนดเพื่อทำการเกษตร ฯลฯ นอกจากนี้หลังปีใหม่เปิดสภา 36 สส.รทสช.ทุกคนทำการบ้านมาพร้อมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ทันที 
    
 เมื่อถามว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคต่างเปิดผลงาน เหมือนเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมือง แข่งกันเองหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการชิงดีชิงเด่นกันทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับการแข่งกันทำงาน แข่งกันแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดถือว่าทุกพรรคการเมืองได้ทำตามสัญญาและทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ 
   
    ผมมองเป็นเรื่องดีมากกว่าเป็นการชิงดีชิงเด่นทางการเมือง ที่ผ่านมาการเมืองอาจจะมีการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีดิสเครดิตกันอยู่ แต่การเมืองยุคใหม่ต้องแข่งกันทำงาน แข่งกันแก้ปัญหา และแข่งกันช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะถือว่าทุกพรรค มีจุดหมายเดียวกันคือประชาชนและประเทศได้ประโยชน์ การทำงานการเมืองแบบใหม่ ต้องทำงานอย่างสร้างสรรค์ ไม่พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน ก็ควรทำงานอย่างสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมประเทศและประชาชนมากที่สุด
  
   ส่วน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรล กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงกลางปี 67 หรือในช่วงที่สมาชิกวุฒิสภาครบวาระตามมาตรา 272 รัฐธรรมนูญ 2560 ในวันที่ 11 พ.ค. 67 จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองให้เปลี่ยนตัวนายกฯหรือไม่ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะขณะนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง มีเรื่องร้องเรียนอยู่ในองค์กรอิสระและหากมีการชี้มูลว่า มีความผิด ก็จะกระทบต่อตำแหน่ง
  
   อย่างไรก็ตาม นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เนื่องในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 ขอให้ทุกท่านมีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรง ขอให้เป็นปีแห่งการมีรัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชนคนไทย ให้ประเทศไทยก้าวไกลกว่าเดิม Happy new year 2024 สวัสดีปีใหม่ 2567
   
  ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาโพสต์เฟสบุ๊คระบุข้อความเรื่อง ปีมังกรทองกับรัฐบาลเศรษฐา ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีงูใหญ่เผยแพร่ในเพจ เฟซบุ๊ค ทนายวันชัย สอนศิริ ดังนี้ ปีมังกรทองของรัฐบาลเศรษฐา มีทั้งหมอดู นักวิเคราะห์วิจารณ์ว่าปีหน้ามังกรจะพ่นไฟ รัฐบาลจะมีปัญหาสารพัด ทั้งนายกเศรษฐาก็จะอยู่ไม่ได้ จะมีการชุมนุมประท้วงมีเหตุเภทภัยต่างๆ ในทำนองว่ารัฐบาลจะไปไม่รอด พรรคร่วมจะแตกแยก หมอดูบางคนเลยเถิดไปถึงขั้นว่าจะมีปฏิวัติรัฐประหาร... ผมว่าทั้งหมอดูและนักวิจารณ์เขาไม่รู้ลึก มองดวงดาวแบบไม่เข้าใจการเมือง ไม่รู้รัฐธรรมนูญไม่รู้การเมือง ใช้ชุดข้อมูลเดิม หรือบางคนก็อคติและก็ผิดมาทั้งหมดตั้งแต่เลือกนายกเศรษฐาแล้ว
    
 ผมจะพูดทั้งดวงดาว ดวงรัฐบาล และสถานการณ์ทั้งปีหน้าจนกว่าจะหมดสมัยของรัฐบาล ดังนี้ 1. ต้องรู้พื้นดวงก่อนว่ากว่าจะมาเป็นรัฐบาลเศรษฐานั้น เขามาด้วยปีแห่งกระต่ายทอง เป็นการเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่ายทุกระดับ ทั้งอำนาจเก่าอำนาจใหม่สนับสนุนร่วมกัน ทำให้ทั้งดวงชะตาและเสถียรภาพของรัฐบาลมั่นคง แน่นปึ้ก! เรียกว่าที่มาของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ 2. เพื่อไทยเขามีบทเรียน ประสบการณ์ ความสำเร็จ และความสูญสิ้นจากการเป็นรัฐบาล มีการประท้วงชุมนุมขับไล่ ติดคุกติดตะราง หนีไปต่างประเทศ ปฏิวัติรัฐประหาร หลายคนหลายครั้ง แค่นี้ก็มากพอแล้ว เป็นบทจำที่ควรจะเปลี่ยนแปลง เหมือนพลเอกประยุทธ์ที่มีประสบการณ์เห็นการปฏิวัติของทหารมาหลายคณะ แล้วนำมาเป็นบทเรียน ทำให้อยู่ได้นาน 3. คู่ต่อสู้ทางการเมืองต่อไปนี้ก็จะมีสองพรรคเท่านั้นคือเพื่อไทยกับก้าวไกล และเพื่อไทยคงจะไม่ยอมแพ้ให้ก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลแน่ ต้องเร่งเครื่องเร่งผลงานอย่างเต็มที่เต็มกำลัง
      
 4. ต้นปีนี้อย่างที่ผมเคยบอกว่าดวงดาวที่สำคัญๆ มาชุมนุมกันอยู่ที่ราศีพฤษภ ในเรือนกดุมภะ ยิ่งกลางปีไปแล้ว ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองจะเข้าที่เข้าทาง เดินเครื่องได้เต็มสูบ ขับเคลื่อนไปได้อย่างดี 5. เรื่องคุณทักษิณชั้น 14 ที่ว่าจะมีเรื่องวุ่นวาย จะมีการชุมนุมประท้วง เป็นปัญหากับรัฐบาลนั้น ดูจากดวงดาวและการเมือง เรื่องนี้ไม่มีอะไรรุนแรง แม้จะมีก็ไม่อาจที่จะทำอะไรกับดวงที่แข็งของรัฐบาลได้ และจะว่าไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ คุณทักษิณก็จะได้พักโทษตามกฎเกณฑ์แล้ว จะชุมนุมหรือไม่ชุมนุม อีกเดือนกว่าๆ ก็จบแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบไปด้วย คนเขาเบื่อความขัดแย้ง 6. รัฐบาลนี้จะไม่มีคลื่นลมใดที่จะมาปะทะ จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อผลงานออกมาตามนโยบายที่ประกาศ เศรษฐกิจและการทำมาหากินดีขึ้น ประชาชนก็จะไชโยโห่ร้องสนับสนุน ซึ่งเพื่อไทยเขาเคยทำมาแล้วและคงจะทำต่อไป แก้ไขบทเรียนต่างๆ ให้ดีขึ้น อาจจะเปลี่ยนตัวนายกก็คงจะปีที่สามหรือปีที่สี่ของรัฐบาลโน่น เพื่อเตรียมตัวให้อุ๊งอิ๊งต่อไปในสมัยหน้า 
     
  ผมเห็นว่าปีหน้าเป็นปีมังกรทองของรัฐบาลและประชาชน ยิ่งมากราบไหว้ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน จะมีแต่ความสัมฤทธิ์สำเร็จ
    
 ส่วน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ที่สุดแห่งปี 2566 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 7,398 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) สำรวจระหว่างวันที่ 20  27 ธันวาคม 2566 พบว่า เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2566 คือ พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง ร้อยละ 40.53 แอนโทเนีย คว้ารองมิสยูนิเวิร์ส ร้อยละ 17.55 และสภารับหลักการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ร้อยละ 15.31 นักร้องเพลงไทยสากลชายที่สุดแห่งปี ฝ่ายชาย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ร้อยละ 35.59 ฝ่ายหญิง อิงค์ วรันธร ร้อยละ 27.94 นักร้องลูกทุ่งชายที่สุดแห่งปี ฝ่ายชาย ก้อง ห้วยไร่ (ปีที่ 3 ติดต่อกัน) ร้อยละ 33.07 ฝ่ายหญิง ต่าย อรทัย (ปีที่ 4 ติดต่อกัน) ร้อยละ 41.16 ดาราที่สุดแห่งปี ฝ่ายชาย โป๊ป ธนวรรธน์ ร้อยละ 29.99ฝ่ายหญิง เบลล่า ราณี ร้อยละ 37.61 นักกีฬาที่สุดแห่งปี ฝ่ายชาย เจ ชนาธิป ร้อยละ 34.01 ฝ่ายหญิง น้องเทนนิส (ปีที่ 3 ติดต่อกัน) ร้อยละ 48.56 นักการเมืองที่สุดแห่งปี ฝ่ายชาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ปีที่ 2 ติดต่อกัน) ร้อยละ 61.78 ฝ่ายหญิง ศิริกัญญา ตันสกุล ร้อยละ 27.95 นักการศึกษาที่สุดแห่งปี 2566 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ร้อยละ 25.95 ผู้ทรงอิทธิพลของไทยแห่งปี ลิซ่า BLACKPINK ร้อยละ 28.14 ความหวังในปีหน้า 2567 
    
 ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ที่สุดแห่งปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของประชาชนในประเด็นต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้ข่าวสารในปัจจุบัน ประชาชนสามารถรับรู้ได้รวดเร็วหลากหลายช่องทาง มีข้อมูลจากการแสดงความคิดเห็นและการวิเคราะห์จากหลายด้าน หลายมุมมอง จนทำให้เกิดเป็นกระแส เป็นความชื่นชอบ ความนิยม นำไปสู่การตัดสินใจและการมีส่วนร่วม ซึ่งทุกอันดับจากผลการสำรวจที่สุดแห่งปี 2566 ของ สวนดุสิตโพล คงจะเป็นภาพสะท้อนให้เห็นกระแสความนิยมได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2566 ที่ประชาชนส่วนใหญ่นึกถึง เป็นกระแสสังคมที่ร้อนแรง คือเรื่อง การเลือกตั้งและผลการเลือกตั้ง อาจเนื่องด้วยประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการเมืองผ่านรูปแบบการปกครองระบอบผ่านระบบตัวแทน (สส.) การเมืองจึงเป็น หัวใจสําคัญ เพราะรัฐบาลจะมี กระบวนตัดสินใจในนโยบายการบริหาร ที่ส่งผลไปทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และแวดวงต่าง ๆ ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคน