เข้าสู่ปี 2566 นักษัตรมะโรง งูใหญ่ ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยปีใหม่ที่จะทยอยดำเนินไปในปีนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ล้วนชี้นิ้วไปในทิศทางเดียวกันว่า “ระบบปัญญาประดิษฐ์” หรือ “เอไอ (AI : Artificial Intelligence)” จะได้รับการให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นความสำคัญที่ได้รับต่อเนื่องจากปีๆ ที่ผ่านมา
ความสำคัญของระบบเอไอที่ว่า จะเข้าไปประกอบ แทรกปน เพื่อเสริมสร้างอุปกรณ์นั้นๆ เป็นอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีอันสุดล้ำสมัย
ยกตัวอย่าง เช่น หุ่นยนต์ หรือโรบอต ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ หรือฮิวมานอยด์ เป็นต้น จะเป็นหุ่นยนต์ หรือโรบอต ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยได้ ภายในของหุ่นยนต์ของเหล่านั้น ก็มีระบบเอไออยู่ภายในหุ่นยนต์ หรือโรบอตข้างต้นนั้นด้วย
ไม่เว้นแม้กระทั่งการสนทนาโต้ตอบระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “แชต (Chat)” ที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ได้ถูกนำมาใช้ จนเข้ามามีบทบาทสำคัญ กระทั่งทำให้การ “แชต” ข้างต้น มีความล้ำสมัย สามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ ด้วยข้อมูลต่างๆ สารพัดแขนง ได้ถูกบรรจุไว้อยู่เป็นจำนวนมาก เช่น “แชตจีพีที (ChatGPT)” อันกระเดื่องนาม เป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกในช่วงรอบปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในการสร้างภาพต่างๆ ปรากฏว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ก็ได้แสดงประสิทธิภาพความล้ำ จนถึงขั้นสร้างภาพจากจิตใจของมนุษย์เราได้ เมื่อช่วงปลายปีที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้เอง โดยเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของคณะนักวิทยาศาสตร์จาก “สถาบันเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ควอนตัมแห่งชาติ” (National Institutes for Quantum Science and Technology) มหาวิทยาลัยโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ถือเป็นความสุดล้ำของระบบเอไอที่สามารถ “ถอดรหัสสมอง” (Brain Decoding) ของมนุษย์เราได้ ทั้งนี้ การถอดรหัสของสมองได้นั้น ก็ทำให้สามารถรับรู้ถึงกิจกรรมทางสมอง ที่สามารถต่อยอดนำไปใช้นำไปใช้ในทางการแพทย์ได้ในอนาคต โดยผลงานข้างต้นก็ถือว่า ญี่ปุ่นเป็นชาติแรกของโลกที่สร้างภาพจากจิตใจของมนุษย์โดยใช้เอไอ
สำหรับในปี 2024 (พ.ศ. 2567) ความก้าวหน้าจากการพัฒนาเทคโนโลยีกับระบบเอไอจะเป็นไปอย่างไรนั้น บรรดาบุคลากรรวมไปถึงระดับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที จำนวนเกือบ 900 คนจาก 10 กว่าประเทศชั้นนำด้านไอทีของโลกเรา ก็ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีระบบเอไอเข้าไปประกอบของปีนี้ โดยระบุว่า มีเทคโนโลยีเพื่อใช้ในด้านต่างๆ จะได้รับการพัฒนาจนเป็นเทรนด์ เป็นกระแสฮิตฮอตในนักษัตรปีมะโรงนี้
โดยเทรนด์เทคโนโลยีที่มีการใช้ระบบเอไอร่วมด้วย แขนงต่างที่ได้รับการคาดหมายจากบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีข้างต้นนั้น ก็ได้แก่
-แบบจำลองหรือโมเดลธุรกิจที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเป็นตัวขับเคลื่อน
โดยเทคโนโลยีนี้ ก็จะเป็นการพัฒนาด้วยการนำระบบเอไอมาใช้เพื่อให้ข้อมูลทางธุรกิจเชิงลึก ถึงขั้นคาดการณ์ได้ถึงแนวโน้มว่าลูกค้าคนใดจะซื้อผลิตภัณฑ์ใดต่อไปในอนาคต การคำนวณภาพของสินค้าว่า ลักษณะใดจึงจะโดนใจลูกค้ามากที่สุด รวมไปถึงการตรวจจับการทุจริตภายในบริษัทองค์กร ซึ่งการทุจริตภายในองค์กรนี้ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่ท้าทายต่อการทำธุรกิจ แต่ระบบเอไออาจจะเป็นหนทางแก้ไขโจทย์ปัญหาข้างต้นได้
นอกจากนี้ ระบบเอไอจะถูกนำมาใช้ในเทคโนโลยีที่จะช่วยในด้านการวางกลยุทธ์ของธุรกิจในปีนี้มากขึ้น จนถือเป็นระบบที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอีกต่างหากด้วย
-การใช้เอไอมาพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบหลังบ้านของออฟฟิศหรือสำนักงานแบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีของระบบหลังบ้านของสำนักงาน โดยใช้เอไอเข้ามาช่วยในด้านต่างๆ เช่น การประมวลผลของข้อมูลที่มีปริมาณมาก การใช้เอไอมาช่วยในการจัดกลุ่มประเภทของข้อมูล และการสรุปข้อมูลเนื้อหาต่างๆ ซึ่งเป็นงานสำคัญของระบบหลังบ้านในแต่ละออฟฟิศ ซึ่งเอไอจะช่วยให้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น นอกเหนือจากเป็นอัตโนมัติแล้ว
-การใช้เอไอพัฒนาเทคโนโลยีในการประมวลเชิงพื้นที่
โดยเทคโนโลยีนี้ก็จะมีประสิทธิภาพด้านการคำนวณเชิงพื้นที่ ผสมผสานทางกายภาพกับระบบดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับเนื้อหา หรือคอนเทนต์ ทางดิจิทัล และโต้ตอบกับอากัปกริยาที่เป็นธรรมชาติต่างๆ เช่น ท่าทาง เสียง สายตา ผ่านแว่นตาที่ใช้ระบบเอไอ อย่างแว่นเออาร์ (AR) แทนการใช้อุปกรณ์ส่วนต่อแบบเดิม เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด ซึ่งเทคโนโลยีในลักษณะนี้ ได้เริ่มเปิดตัวกันไปบ้างแล้ว อย่างบริษัทแอปเปิล แผยโฉมอุปกรณ์ไอทีที่ใช้เทคโนโลยีนี้ คือ “สปาเชียล คอมพิวติง (Spatial Computing)” เมื่อกลางปี 2023 (พ.ศ. 2566) ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ก็ยังมีการนำเอไอกับเทคโนโลยีของระบบเสมือนจริง อย่างแว่นวีอาร์ เป็นอาทิ
-การใช้เอไอพัฒนาเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์
โดยจะเป็นการนำเอไอมาช่วยพัฒนาด้านการออกแบบเทคโนโลยีของระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ทางไซเบอร์ จากการที่ถูกกลุ่มนักเจาะระบบคอมพิวเตอร์ หรือแฮกเกอร์ เข้ามาโจมตี ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ ที่จะทำให้ถูกแฮกเกอร์โจมตี ดังนั้น ระบบเอไอจะเข้ามาช่วยคำนวณด้านการออกแบบโปรแกรมซอฟต์แวร์เหล่านี้ให้ปลอดภัยกว่าเดิม
ทั้งนี้ ระบบความปลอดภัยข้างต้น ยังรวมถึงการนำเอไอมาใช้พัฒนาเทคโนโลยีในส่วนที่ช่วยปกป้องข้อมูลต่างๆ ทั้งขององค์กร และของลูกค้า ให้มมีความปลอดภัยทางไซเบอร์อีกด้วย
อย่างไรก็ดี บรรดาบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็มีทรรศนะทิ้งท้ายด้วยว่า นอกเหนือจากใช้เอไอมาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ แล้ว แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยก็คือ การใช้เอไอเพื่อการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ และใช้เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่เพื่อการทำลายล้าง ซึ่งเอไออาจถูกนำมาใช้ในลักษณะนี้ได้อย่างน่าสะพรึงเหมือนกัน