มหันตภัยเหยื่อแก๊งคอเซ็นเตอร์  สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในสังคมและส่วนรวมในยุคปัจจุบันในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ จนต้องสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนหลายราย บางรายถึงกับฆ่าตัวตายเพราะความผิดพลาดในการหลงเชื่อ จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความสำคัญและห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนสำนักงานแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการแห่งชาติ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการสืบสวนปราบปรามและติดตามจับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกรูปแบบอย่างจริงจัง 
อุทาหรณ์สอนใจในคำของผู้ต้องหาหญิงสาวรายหนึ่งถูกเปิดเผยขึ้น

มื่อวันที่ 31 ธ.ค.66 ที่ บก.สส.ภ.2 โดย พล ต.ต.ธีระชัย  ชำนาญหมอ ผบก สส.ภ.2 เปิดเผยถึงอุทาหรณ์สอนใจในคำรับสารภาพของผู้ต้องหารายหนึ่ง เหยื่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์เที่ยวยืมเงินคนมาจ่ายหวังจะได้ทุนคืน

จากกรณีที่ หญิงสาว ผตห.รายหนึ่งให้ข้อมูลว่าได้พบโฆษณาชวนให้ทำงานเว็บพนันออนไลน์ในฝั่งกัมพูชา จึงเดินทางเข้าไปสมัครงาน ที่ตึก 25 ชั้น พร้อมนำหลักฐานประจำตัวเข้าไปสัมภาษณ์งาน และสัมภาษณ์งานผ่าน  จากนั้นถูกนำตัวเข้าไปที่ออฟฟิศ HK99 (ตึกเขียว)หรือบ่อตกปลา เพื่อเข้าทำงาน โดยมีล่ามแปลภาษาจีนเข้ามา พูดคุยและซักถามว่า รู้หรือไม่ว่ามาทำงาน เกี่ยวกับอะไร ซึ่ง ผตห. ตอบว่ามาทำเว็บออนไลน์ ถ้าไม่ทำเกี่ยวกับเว็บออนไลน์จะไม่ยอมทำจะถูกตรวจยึดโทรศัพท์และเอกสารประจำตัวไว้
ต่อมาได้ถูกนำตัวไปควบคุมตัวไว้เพื่อรอคอยการสแกนใบหน้า พร้อมกับข่มขู่และทำร้ายร่างกายให้ทำงาน โดยอ้างว่า ได้จ่ายค่าหัว ให้กับ ผตห.แล้ว ในราคา 76,000 บาท หากหาเงินมาคืนได้จะปล่อยตัวกลับ โดยทำหน้าที่คอยสแกนใบหน้านานประมาณ 1 เดือน เมื่อ ผตห. ไม่สามารถติดต่อญาติให้นำเงินมาจ่ายค่าหัวได้จึงได้ตัดสินใจตกลงทำงานให้กับกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โดยทำหน้าที่เป็นแอดมิน และเชือด สลับกันไปกับวิธีการหลอกลวงผู้เสียหายดังนี้ 1.เทรดหุ้น,2.เงินกู้,3.ฟิวแฟน (การหลอกให้เชื่อใจแล้ว หลอกให้ โอนเงิน ไม่เฉพาะการแสดงตัวเป็นคนรัก) ซึ่งได้ทำงานให้กับกลุ่มอาชญากรนานประมาณสามเดือนจนกระทั่งเดือนสุดท้าย ได้รับเงินเดือน 25,000 บาท จึงได้หาช่องทางให้คนพาข้ามทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย ระหว่างที่ทำงานประมาณ 3 เดือนได้พบกลุ่มแก๊งค์ที่คอยควบคุมดูแลสั่งการทุกวันและสามารถจดจำใบหน้าและชื่อเล่นได้บางรายอีกด้วย