พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
วันนี้ 29 ธันวาคม 2566 เวลา 10.23 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,000 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย และมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ
ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ
ในการนี้ องคมนตรีลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในศูนย์อพยกวิทยาลัยการอาชีพรามัน และพื้นที่ตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา
ในการนี้ องคมนตรี ได้ร่วมประชุมและรับฟังการรายงานการเกิดอุทกภัย การแก้ไข ตลอดจนรับฟังการป้องกันภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติ อาทิ การแจ้งเตือน การวางแผน การซักซ้อมแผน และการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน ในการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆแก่ราษฎร กับให้คำแนะนำ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้นำไปปรับให้เข้ากับแผนในการปฏิบัติของแต่ละหน่วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฯ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
จังหวัดยะลา ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูงกำลังแรงแพร่ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 22-25 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดน้ำฝนสะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปัตตานี ลุ่มน้ำสายบุรี และคลองยะหา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง ท่วมน้ำเรือนราษฎร พื้นที่ทางการเกษตร วัด มัสยิด ถนน ได้รับความเสียหายและผลกระทบใน 7 อำเภอ 16 ตำบล 157 หมู่บ้าน ราษฎรเสียชีวิต 4 ราย ปัจจุบันสถานการณ์เริ่ม
คลี่คลายแล้ว เหลือในบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ลุ่ม ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ โดยจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆเป็นการเร่งด่วนด้วยแล้ว
ต่อจากนั้น เวลา 13.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 2,000 ถุง ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดาฯและนายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย เพื่อเชิญไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆต่อไป ในการนี้ องคมนตรีลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ
ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณ
จังหวัดนราธิวาส ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูงกำลังแรงแพร่ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอต่างๆ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ช่วงวันที่ 13-18 ธันวาคม 2566 และในช่วงวันที่ 23-26 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีปริมาณน้ำฝนที่ตกมากกว่า 400 มิลลิเมตร ทำให้ลุ่มน้ำทั้งสามลุ่มน้ำประกอบด้วย แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำโก-ลก มีปริมาณน้ำจำนวนมากรอการระบาย โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งมีแม่น้ำ
โก-ลก เป็นเขตพรมแดนกับประเทศมาเลเซีย และน้ำบางส่วนที่ไหลมาจากประเทศมาเลเซียลงแม่น้ำโก-ลก ทำให้น้ำในแม่น้ำโก-ลก สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน ท่วมบ้านเรือนราษฎร โรงเรียน วัด มัสยิด ถนน สะพาน คอสะพาน พื้นที่ทางการเกษตร ปศุสัตว์ และสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้รับความเสียหาย รวม 13 อำเภอ 76 ตำบล 497 หมู่บ้าน และประชาชนได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบกว่า 4,500 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว เนื่องจากฝนตกน้อยลง เหลือในบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ลุ่ม ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ โดยจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆเป็นการเร่งด่วนด้วยแล้ว