จากรายงานสถานการณ์เหตุอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ ของ ปภ. ระบุว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตราและทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้ระหว่างวันที่ 22-28 ธันวาคม 2566 มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 34 อำเภอ 195 ตำบล 1,279 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ  จำนวน 102,070 ครัวเรือน โดยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ รวม 3 จังหวัด 25 อำเภอ 142 ตำบล 806 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 93,220 ครัวเรือน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศ

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการเข้าช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ลดความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที โดยล่าสุด ได้สั่งการให้ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ ขนาดท่อสูบส่ง 12 นิ้ว อัตราการสูบ 0.45 ลบ.ม./วินาที ให้เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จำนวน 9 เครื่อง ประจำชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าประปา และชุมชนท่าชมพู่ เพื่อเสริมกำลังทุกหน่วยงานในการเร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

     ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการ การแจ้งเตือนภัยของจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ยังมีเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ ขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดท่อสูบส่ง 12 นิ้ว อัตราการสูบ 0.45 ลบ.ม./วินาที จำนวน 100 เครื่อง ไว้รองรับพื้นที่ประสบภัยที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งหากพื้นที่ใดประสบปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมขัง สามารถแจ้งมาที่ กองบูรณะและบำรุงรักษา กรมโยธาธิการและผังเมือง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2299 4393 หรือสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อกรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เข้าดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป