วันที่ 28 ธ.ค.66 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้นำเสนอโครงการของขวัญปีใหม่ 2567 ต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ซึ่งโครงการนี้  สตม. ได้รับคำสั่ง นายกรัฐมนตรี ให้ปรับระบบ  Automatic channel ที่ ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ จากเดิม ที่ตรวจได้เฉพาะคนไทย ให้ตรวจคนต่างชาติที่ถือ E-Passport กว่า 70 สัญชาติ เดินทางออกจากประเทศได้ โดยไม่ต้อง scan ลายนิ้วมือ และไม่ต้องใช้ตราประทับขาออก  ส่วนคนต่างชาติอื่นๆ ยังคงต้องใช้ช่องตรวจเจ้าหน้าที่อยู่ เริ่มเปิดใช้งานมาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.66 เป็นต้นมา ตรวจคนต่างชาติไปแล้วกว่า 1 แสนคน  ช่วยระบายความหนาแน่นขาออกได้ ชม.ละ 6,000 คน จากเดิมเพียง 4,100 คน คิดเป็น 20 % ของจำนวนคนต่างชาติที่เดินทางออกทาง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ บรรเทาความหนาแน่นของ ปริมาณผู้โดยสารในโถงตรวจขาออก ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ได้พอสมควร โดยคนสัญชาติที่มีการใช้งานสูงสุด ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น

สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่ สตม. พัฒนาระบบในระยะเร่งด่วน ส่วนระยะยาว ทาง การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะจัดซื้อเครื่อง Automatic channel ให้ ทาง ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ และดอนเมือง ให้ทันใช้ใน ก.ค.67  โดยโครงการระยะเร่งด่วนนี้ ได้รับการสนับสนุนการพัฒนาโปรแกรม จากบริษัท จันวาณิชย์ จำกัด ผู้ดูแลระบบไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด 

ขณะที่ในส่วนการตรวจขาเข้า ยังคงจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการคัดกรองคนต่างชาติ เนื่องจากมีเงื่อนไขในการใช้วิจารณญาณ ตรวจสอบความเสี่ยงต่อการแฝงตัวเข้ามาเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยใช้เวลาตรวจระบายการตรวจคนต่างชาติภายในเวลา 40 นาที แม้จะมีปริมาณผู้โดยสารลงจากเที่ยวบินพร้อมกันจำนวนกว่า 25 เที่ยวบินต่อชั่วโมงก็ตาม