หลายหน่วยงาน เปิดหลักสูตร การศึกษาอบรม มากมาย หลายชื่อ เคยเกิดเหตุ “งานเข้า” วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สถาบันวิชาการปัองกันประเทศ (สปท.)กองบัญชาการกองทัพไทยมาแล้ว  เมื่อ เศรษฐา ทวีสิน ที่ตอนนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี ใหม่หมาดๆ ไปฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ ของ วปอ.2565 ก่อนจบการศึกษา

พร้อมให้โอวาท เชิงตำหนิว่า เป็นหลักสูตร สำหรับ อภิสิทธิ์ชน บุคคลพิเศษ  ที่เข้ามา หาคอนเนคชั่น ด้วยเพราะมีทั้ง บิ๊กทหาร บิ๊กตำรวจ ข้าราชการ เรียน ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ก็อยากมาเรียน ถึงขั้นวิ่งเต้นเข้ามาเสียเงินเรียน

แต่ที่สุด สปท. ก็เปิดหลักสูตรใหม่ ที่มีเป้าหมาย ไม่ต่างจาก วปอ. คือ สร้างคอนเนคชัน  แต่เข้มข้นกว่า เพราะหวังให้เป็นคอนเนคชัน ที่ยาวนานกว่าหลักสูตรวปอ. แต่ที่ฮือฮาสุด คือ มีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่จ่อคิวเป็นนายกฯคนที่ 31 สมัครเรียนพร้อม ทีมเพื่อนที่ใกล้ชิด ประมาณว่า มาเรียนเป็นเพื่อน ซึ่งคุณสมบัติ เป๊ะ ตามกติกา

หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นแรก เปอดรับสมัครไปเมื่อ 1-15 ธันวาคม 2566  และนัดสอบสัมภาษณ์ 8 -12 มกราคม 2567

ทั้งนี้เป้าหมายของหลักสูตร คือ เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ ทั้งจากส่วนราชการภาคเอกชน และบุคคลทั่วไปมีจิตสำนึกตระหนักถึงภัยคุกคามในมิติต่าง ๆ ที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ และเข้ามามีบทบาทหรือมีส่วนร่วม หรือ ให้การสนับสนุนภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงในขอบเขตที่พึงกระทำได้

รวมทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม เข้าใจถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ แนวคิด รูปแบบภัยคุกคามมิติต่าง ๆทั้งในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศไทย สถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศ และภายในประเทศ สามารถวิเคราะห์ใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ และบริหารจัดการความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างเหมาะสม

และเสริมสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ให้มีสมรรถนะและความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ประเด็นปัญหาวิกฤติภายในประเทศหรือระหว่างประเทศที่มีความสำคัญ อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทย วางแผน เสนอแนวทางบริหารจัดการปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างเหมาะสมด้วยการมีส่วนร่วมกับชุมชนถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงแห่งชาติให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ และสร้างชุมชน สังคมให้เข้มแข็ง

และ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำ ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อชุมชน สังคม ประเทศชาติและเป็นนักปฏิบัติการที่มีวิสัยทัศน์ด้านความมั่นคง มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสำนึกเพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ มากกว่าประโยชน์ส่วนตน

ที่สำคัญ คือ เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายผู้บริหารรุ่นใหม่ระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาคส่วนทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ส่วนราชการอิสระ นักธุรกิจภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ มีความสามัคคีมีความร่วมมือแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์และนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการประสานงานระหว่างกัน

หลักสูตร วปอ.บอ.นี้ สำหรับคนหนุ่มสาว อายุระหว่าง 35 - 42 ปี ที่จบ ปริญญาตรี หรือเทียบเท่าขึ้นไป เป็นผู้ปฏิบัติงานในสายงานหลักของหน่วยงานและจะเป็นกำลังสำคัญของหน่วยงานในอนาคต  เป็น ข้าราชการทหารชั้นยศ พ.ท.-พ.อ.(พ.) และตำรวจ ชั้นยศ พ.ต.ท.-พ.อ.(พ.) หรือเทียบเท่า ที่ต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการจากโรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ ภายในประเทศหรือต่างประเทศ หรือ หลักสูตรเสนาธิการร่วม หากเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรต้องสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรผู้กำกับการส่วนข้าราชการพลเรือน ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้น ประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษประเภททั่วไประดับอาวุโส (เทียบเท่าระดับ 8 เดิม)

สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจข้าราชการพลเรือน ยังระบุว่า ต้องเป็นผู้ที่ทางราชการไว้วางใจ ให้เข้าถึงความลับของทางราชการขั้น "ลับมาก"  ส่วนพนักงานองค์การของรัฐ/ รัฐวิสาหกิจ/ องค์การมหาชน ตำแหน่งเทียบเท่า ผู้อำนวยการระดับต้น ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ว่ามาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง (ในวันเปิดรับสมัคร)ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทย ส่วน นักธุรกิจซึ่งเป็นเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของหน่วยงาน ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการโรงงาน หรือ ผู้จัดการภูมิภาค หรือเทียบเท่า

เพราะสำหรับกองทัพแล้ว ก็ต้องการให้ ว่าที่นายกฯ อย่าง นส.แพทองธาร มาเรียน จะได้เข้าใจเรื่องความมั่นคง  และได้มาสัมผัสกับ ทหาร และกองทัพ  เพราะประสบการณ์ชีวิต ที่ ทักษิณ บิดา  และ “อาปู” น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกรัฐประหาร ถึง2 ครั้งต่อเนื่อง จนทำให้ต้องลี้ภัยอยู่ต่างแดน  กว่าที่ ทักษิณ จะได้กลับไทย 17 ปี  ยังคงเหลือ นส.ยิ่งลักษณ์ รอคิวกลับมา อยู่

จึงทำให้ น.ส.แพทองธาร ไม่ปลื้มทหาร สำหรับ ผู้ใหญ่ในกองทัพ ยิ่งในยุคที่ บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ด้วยแล้ว ย่อมต้องการให้ ว่าที่ นายกฯ ในอนาคต และทีมงาน เข้าใจความมั่นคง และมาสัมผัส กองทัพ ที่อาจทำให้ ความรู้สึกที่มีต่อทหารดีขึ้น

มีรายงานว่า หลักสูตร วปอ.บอ. นี้ ได้รับไฟเขียว จาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะ นายกสภา วปอ. ก่อนแล้ว

ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า เป็นหลักสูตร ที่เปิดมาเพื่อ น.ส.แพทองธาร โดยเฉพาะหรือไม่  แต่ทาง สปท. ชี้แจงว่า  หลักสูตรนี้ ออกแบบไว้ มา 2 ปี แล้ว แต่เพิ่งมีงบประมาณ เป็นปีแรก

การที่ นส แพทองธาร มาเรียน ก็ยิ่งเป็นแม่เหล็ก ที่ใครๆ ก็อยากมาเรียน อยากมาเป็นเพื่อนอุ้งอิ๊ง อยากมาเป็นเพื่อน นายกฯในอนาคต อีกทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ มองในเชิงยุทธศาสตร์ การสร้างคอนเน็กชัน ระหว่าง กองทัพกับคนรุ่นใหม่ ในสาขาอาชีพต่างๆ  เพื่อให้ ทหารรุ่นใหม่ มีสายสัมพันธ์กับ อาชีพต่างๆ ที่จะเติบโตไปด้วยกัน ในระยะยาว เพราะหลักสูตร วปอ.  คนที่มาเรียน อายุ ราว 50-53 ปี ไม่นานก็เกษียณราชการ แต่ วปอ. บอ. ยังมีเวลาใช้คอนเน็กชัน ไปอีกนาน จนเป็น ผู้บริหารระดับสูง

ไม่แค่นั้น ทางกองทัพ ยังหวังสร้างมวลชน เพราะรับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย หรือ Influencer ที่ มีชื่อเสียงในด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเผยแพร่เรื่องราวต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย มีผู้ติดตามและเป็นที่รู้จักจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่ม Generations Y Z AIpha สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีต่อสังคม

รวมทัังนักแสดงในวงการบันเทิง นักเขียนในวงการหนังสือ นักจัดรายการ โปรแกรมเมอร์ในวงการ IT ที่ปรึกษาในวิชาชีพต่างฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมายแรงงาน ฯลฯ โดยมีประสบการณ์ หรือ ทำงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับชาติอย่างน้อย 3 ปี ถือเป็นกลยุทธ์ ที่กองทัพไทย ต้องการดึง อินฟลูฯ เข้ามาอยู่ในเครือข่ายความมั่นคง เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ ให้ความสำคัญ กับ การใช้  อินฟลูฯ ทหาร ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ในโซเชียล มีเดีย แทนสื่อหลักคาดว่าเป็นบทเรียนจาก พรรคก้าวไกล

คาดว่า หลักสูตร วปอ.บอ. นี้ เวลาไปดูงาน ก็จะร่วมคณะไปกับ วปอ.ใหญ่ โดยจะเปิดเรียน เดือนเมษายน - กันยายน 2567 รวม 438 ชั่วโมง เรียนสัปดาห์ละ 2 วัน (วันจันทร์ วันศุกร์) เวลา 08.30 - 16.00 น. ไม่นับช่วงของการเดินทางดูงาน ที่สำคัญ หลักสูตร นี้ มีไปศึกษาสภาวะแวดล้อมตามประเด็นปัญหาความมั่นคงร่วมสมัยทั้งภายใน และ ต่างประเทศ เช่นเดียวกับ วปอ. ด้วย โดยหลักสูตรนี้ เรียนฟรี  แต่ อาจมีการเก็บเงินในแต่ละรุ่นกันเอง เพื่อใช้ในกิจกรรมรุ่น

เพราะการบ้านสำคัญ ที่ พล.อ.ทรงวิทย์ ให้ไว้ สำหรับ วปอ.ใหญ่ คือ การลบภาพ การมาหาคอนเน็กชัน เพื่อประโยชน์ส่วนตน  มาเน้น การทำประโยชน์ให้สังคม ช่วยเหลือประชาชน  ไม่ว่าไปที่ไหน ก็จะต้อง มีกิจกรรมช่วยชาวบ้าน  ที่ส่วนใหญ่ เป็นการบริจาค เครื่องมือการแพทย์ เวชภัณฑ์ ให้ รพ. ในพื้นที่  ตามกฎ The Ten คือ มี วปอ.10 กลุ่ม ที่ตั้งชื่อ ตามสัตว์ชนิดต่างๆ ในการทำคะแนน ในด้านนี้ ที่คาดว่า วปอ.บอ. ก็จะยึดแนวทางนี้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า วปอ.ใหญ่ หรือ มินิ วปอ. ก็ไม่อาจ ลบภาพ หลักสูตรการสร้างคอนเน็กชันไปได้ เพียงแค่ ใช้คอนเน็กชัน ให้เป็นประโยชน์ ต่อประชาขน และสังคม มากกว่า แก่ตัวเอง เช่นที่ นายกฯเศรษฐา สะกิดเอาไว้นั่นเอง