นักข่าวประจำรัฐสภา ตั้งฉายาสภาฯปี66 "สภาลวงละคร" ส่วน ปธ.สภาฯ ฉายา (วัน) นอ-มินี ขณะที่พิธา ดาวดับแห่งปี "วันนอร์"เผย ไม่โกรธนักข่าวตั้งฉายา เรื่องหยอกล้อ ปัดเป็นนอมินีเพื่อไทย พรเพชร ขอบคุณตั้งฉายาวุฒิสภาประธานวุฒิฯตรงไปตรงมา ขอสื่ออย่าตีความเป็นแจ๋ว
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมร่วมผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภาตลอดปี 2566 ทั้งนี้ การตั้งฉายาการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งส.ส.และส.ว. เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาทุกปี ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของส.ส. และส.ว.อย่างใกล้ชิด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมีความเห็นร่วมกันดังนี้
1.สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "สภาลวงละคร" สภาที่มีการชิงไหวชิงพริบ เพื่อเป็นเจ้าของอำนาจ มีการเจรจาจับมือกันหลายฝ่าย โดยในครั้งแรกพรรคเพื่อไทยเล่นตามบทเป็นมวยรอง แต่สุดท้ายใช้สารพัดวิธีพลิกกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีแต่การหักเหลี่ยมเฉือนคม ตั้งแต่การเลือกนายกรัฐมนตรี จนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้กระทั่งการหักหลังฝ่ายเดียวกันเองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลที่เคยเป็นฝ่ายเดียวกันจับมือต่อสู้กันมาก่อน จนถึงขั้นฉีกเอมโอยู ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเล่นตามบทของพรรคอันดับรอง จับมือกอดคอกันอย่างหวานเจี๊ยบ เปรียบเสมือนโรงละครโรงใหญ่ ที่มีแต่ฉากการหลอกลวง
2."วุฒิสภา" ได้รับฉายา "แตก ป. รอ Retire" ล้อมาจากฉายาของวุฒิสภาในปี 2565 คือ ตรา ป. ที่ส.ว.ทำหน้าที่รักษามรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อประโยชน์ของ 2 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประวิตร แบบไม่มีแตกแถว แต่ในปีนี้ทั้ง 2 ป. ได้แยกทางกัน ซึ่งในการลงมติเลือกนายรัฐมนตรีที่ผ่านมาสว.ฝ่ายป.ประยุทธ์ ได้ลงมติยอมสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน สวนทางกับ ป.ประวิตร ที่งดออกเสียง และส.ว.กำลังจะหมดอำนาจหน้าที่ในเดือนพ.ค. 67 จึงเป็นเสมือนการรอเวลาเกษียณ หมดเวลาการทำหน้าที่ส.ว.
3.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "(วัน) นอ-มินี" เนื่องจาก ตำแหน่งนี้เป็นที่แย่งชิงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมาก่อน ก่อนที่จะเห็นร่วมกันว่า ใช้โควตาคนนอก พรรคเพื่อไทย จึงได้เสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในขณะนั้น เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ยอมรับ ดังนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ จึงเป็นเสมือนนอมินีของการแย่งชิงครั้งนี้
4.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "แจ๋วหลบ( จบแล้ว) " คำว่า แจ๋วเปรียบเสมือน บทบาทของผู้รับใช้ กล่าวคือตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่าน นายพรเพชรถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่ามีบทบาทเป็นเพียงผู้รับใช้คสช. และเมื่อเข้าสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในยุคปัจจุบัน บทบาทของนายพรเพชรในฐานะประธานวุฒิสภา ก็ยังคงไม่แตกต่าง ส่วนหลบ ก็คือพยายามหลบแรงปะทะ ไม่แสดงความเห็นในเรื่องที่เสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากนัก รวมถึงหลบเลี่ยงสื่ออยู่ตลอดเวลา ส่วนจบแล้ว นั้นหมายถึง วุฒิสภาชุดนี้ใกล้จะหมดวาระในการทำหน้าที่ส.ว. 6 ปี ในเดือน พ.ค.2567
5.นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาเห็นควรว่าควรงดตั้งฉายา เนื่องจากเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และยังไม่ได้เริ่มทำงานในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 6.ดาวเด่น66 ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา เห็นว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสม และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว
7.ดาวดับ66 ได้แก่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีความโดดเด่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งจนกระทั่งรู้ผลเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลได้จำนวนส.ส.มากที่สุด เดินสายขอบคุณประชาชน พบหน่วยงานต่างๆประหนึ่งว่าเป็นนายรัฐมนตรีแล้ว พลอยให้บรรดาด้อมส้มเรียกนายกฯพิธา ทำให้เกิดกระแส พิธาฟีเวอร์ แต่สุดท้ายกลับไปไม่ถึงดวงดาว สภาไม่ได้เหยียบ ทำเนียบฯ ไม่ได้เข้า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งแขวน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จากคดีหุ้นไอทีวีที่ยังลูกผีลูกคน จึงเป็นดาวที่เคยจรัสแสง แต่ตอนนี้ได้ดับลงแล้ว
8.วาทะแห่งปี66 ได้แก่ วาทะ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ที่ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ลุกขึ้นชี้แจงคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 ที่ผ่านมาว่า "เราเห็นด้วยอย่างยิ่งที่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราเป็นพรรคอันดับสองมีความยินดีร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล และถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นพรรคอันดับสองสามารถที่จะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้ากลไกการเมือง และรัฐธรรมนูญมันปกติ แต่ด้วยสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญแบบนี้เราไม่ร่วมมือกันไม่ได้ แต่เราก็คิดผิดเพราะว่ายิ่งเราจับมือกันยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
9.เหตุการณ์แห่งปี คือ เลือกนายกรัฐมนตรี" ถือเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีมากถึง 3 ครั้ง 10.คู่กัดแห่งปี ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ลงมติเห็นว่าควรงดตั้งฉายาคู่กัดแห่งปี เนื่องจากเพิ่งเปิดสมัยประชุมได้เพียงสมัยเดียว และเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงตรงกับช่วงปิดสมัยประชุม จึงยังไม่มีใครเป็นคู่กัดที่ชัดเจน มีเพียงการปะทะคารมในบางเหตุการณ์เท่านั้น
11.คนดีศรีสภา 66 สื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันว่ายังไม่มีส.ส.หรือส.ว.คนใด เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
ที่ทําเนียบรัฐบาล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา "สภาลวงละคร" ที่สื่อรัฐสภาตั้งให้ เพื่อสะท้อนการทำงาน ว่า สภาเป็นเรื่องของที่ประชุมและถกเถียงกันเพื่อหาข้อยุติ สภาทั่วโลกก็เป็นแบบนี้ แต่สภาของประเทศไทยอาจดีกว่าหลายแห่งด้วยซํ้าไป อย่าไปกังวลว่าสภาป่วนหรือไม่ เป็นปรากฏการณ์ของสภาทั่วโลก ถ้ามันเรียบร้อยไม่มีถกเถียงก็ไม่ใช่สภา ตนมองเป็นเรื่องสนุกนานในช่วงเทศกาลปีใหม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ปีนี้ไม่มีตําแหน่ง ดาวสภา นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ดาวสภา จะมีตอนอภิรายไม่ไว้วางใจ หวังว่าดาวจะเกิดตอนนั้น ดาวไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน
สำหรับฉายา (วัน) นอ-มินี ที่สื่อรัฐสภาตั้งให้ นั้น เป็นเรื่องหยอกล้อกันธรรมดา ก็ต้องยอมรับ สภาก็ทำงานเต็มที่เพื่อประชาชน เมื่อถามว่า มีการมองว่านายวันมูหะมัดนอร์เป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ใช่คนของพรรคใด เป็นไปตามกลไกของสภา เพราะประเทศจะขาดรัฐบาลไม่ได้ ยืนยันตนว่าไม่ใช่นอมินี
เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนว่ามีการตัดสินเข้าข้างพรรคเพื่อไทยหลายครั้งหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่มีความจริง ตอนแรกตนก็สนับสนุนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเพราะได้เสียงข้างมาก แต่เมื่อถึงสุดทางไปไม่ได้ จำเป็นต้องมีการปรับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามเสียงของสภา เมื่อถามว่า โกรธหรือไม่ที่สื่อตั้งฉายานี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่โกรธ เป็นเรื่องธรรมดา
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งฉายาตำแหน่งประธานวุฒิสภา แจ๋วหลบ จบแล้ว ว่า ไม่มีอะไร ไม่ร้ายแรง ขอบคุณที่ตรงไปตรงมา ที่ผ่านมา 5 ปี ก็มีความสุขได้ทำงานหลายอย่าง รู้สึกพอใจ และไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกับพรรคการเมืองต่างๆ รู้สึกพอใจ เมื่อถามว่า ฉายา แจ๋วหลบ จบแล้ว เพราะเหมือนว่าประธานวุฒิสภาเลี่ยงให้สัมภาษณ์ และลดบทบาทจากที่ผ่านมา และตลอดเวลาที่ผ่านมามักถูกมองทำงานให้กับคสช. นายพรเพชร กล่าวว่า อย่าไปตีความแบบนั้น ทุกคนมีภาระหน้าที่ ทั้งนี้ คสช.เมื่อก่อนเป็นหนึ่งเดียวกันหมดเป็นแม่น้ำ 5 สาย เราก็ต้องมีบทบาทแบบนั้น ดังนั้น บทบาทในอดีตจึงไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนี้เป็นวุฒิสภาตนก็รู้ว่าบทบาทเป็นอย่างไร ส่วนที่บอกว่าจบแล้วนั้น ก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไร หางานให้ทำหน่อย
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่วุฒิสภาได้รับฉายาว่า แตก ป.รอ Retire ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น บางทีที่ ส.ว.บางคนหลีกเลี่ยงไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถาม พูดง่ายๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนด่า เขาบอกว่าจะครบวาระอยู่แล้วอย่ามายุ่งเลย ผมไม่ได้รอรีไทร์ ทำหน้าที่ทุกวัน วันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องอยู่ แต่การทำงานของผมต้องทำด้วยความเรียบร้อย เพราะเราดูกฎหมายเป็นสำคัญ การให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นผลงานที่เรียบๆ ประธานวุฒิสภา กล่าว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายารัฐสภา ประจำปี 2566 ว่า ยังไม่ทราบเลย เพราะทำงานเยอะมาก เลยไม่ได้ติดตามข่าว เมื่อถามต่อว่า ฉายาปีนี้ของสภาผู้แทนราษฎร คือ "สภาลวงละคร" มีความคิดเห็นอย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า "โอ้ย ชีวิตทุกคนมันก็เหมือนละครอยู่แล้ว ฉากสุดท้ายต้องตายทุกตัวละคร เคยฟังหรือไม่ เพลงของคุณนันทิดา (แก้วบัวสาย) ญาติผม" เมื่อถามอีกว่า เนื้อหาของสภาลวงละคร คือมีเรื่องหักเหลี่ยมมากมาย มีแต่ฉากหลอกลวง นายอนุทิน ตอบว่า "รักกันไว้เถิด เราไม่ได้เกลียดชังกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน อย่าให้บทบาทหรืออะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์มาทำลายมิตรภาพดีๆ"
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงฉายารัฐบาล "แกงส้มผลักรวม" ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ ว่า ถ้าคุณได้รับฉายาควรต้องดีใจ เพราะถ้าไม่ได้รับจะเป็น No One แต่ถ้าได้รับฉายาคือเป็น Someone คือมีตัวตน ซึ่งเป็นบรรยากาศของการหยิกแกมหยอก สะท้อนมุมมองทางการเมืองไม่ใช่เรื่องซีเรียส อย่างฉายา ที่รัฐบาลได้รับปีนี้มองว่า อยู่ในบรรยากาศฮันนีมูนพีเรียด เบาๆน่ารักๆ แต่ว่าสะท้อน มุมทางการเมือง ไม่มีอะไรที่ซีเรียส
นายสุวัจน์ กล่าวว่า สมัยที่เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรองนายกรัฐมนตรี ได้รับฉายาว่า "สุวัจน์หอกข้างแคร่" ซึ่งตอนนั้นมี 50 กว่าเสียงเป็นตัวแปรในรัฐบาล ขยับอะไรก็จะสร้างความหวั่นไหว และอีกครั้งได้รับฉายา "สุวัจน์ 25 ชั่วโมง" ขณะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทำงานทั้งวันประชุมแล้วแถลงข่าวเลย จึงอาจแถลงข่าวมากไป นักข่าวบอกว่า "เดี๋ยวก็แถลงเดี๋ยวก็แถลง"
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนรัฐสภาตั้งวาทะแห่งปีจากกรณีนพ.ชลน่านลุกขึ้นอภิปรายความเห็นการจัดรั้งรัฐบาลว่า คิดผิดจับมือร่วมกับก้าวไกล ยิ่งจับมือยิ่งร่วมกันไม่ได้ ว่า ขอบคุณที่สื่อยกให้สิ่งที่ตนอภิปราย เป็นวาทะแห่งปี ซึ่งจริงๆ แล้วตนต้องการชี้ให้เห็นในเชิงระบบว่า ถ้ารัฐธรรมนูญปกติ หรือการเมืองปกติพรรคการเมืองอันดับ 1 อันดับ 2 จะไม่จับมือกันในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นทุกประเทศ เพราะพรรคอันดับ 2 ก็มีความหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลแข่งได้ เพราะในระบบรัฐสภา ไม่ได้หมายความว่าพรรคอันดับ 1 จะได้เป็นรัฐบาล แต่อยู่ที่พรรคการเมืองไหนที่เป็นแกนหลักและสามารถรวบรวมเสียงในรัฐสภาได้มากกว่า ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ได้ที่ 1 แต่ก็ได้ฝ่ายค้านเพราะเราไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ แล้วพรรคอันดับ 2 อันดับ 3 ก็มาดำเนินการต่อ ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามกติกา
เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามเน้นให้เห็นว่าในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ถ้าเป็นภาวะปกติ พรรคอันดับ 1 พรรคอันดับ 2 จะไม่จับมือกัน เขาพร้อมที่จะแข่งกันเป็นรัฐบาล แต่กรณีของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จำเป็นจะต้องจับมือกันเพราะกระแสความต้องการของประชาชน เงื่อนไขของการเลือกตั้ง เขาต้องการ 2 พรรคนี้มาเป็นรัฐบาลโดยการมอบคะแนนให้ทั้ง 2 พรรคนี้ โดยพรรคก้าวไกลได้ที่ 1 และพรรคเพื