ปัญหารถบรรทุก10 ล้อ ขนดินเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนดและเริ่มต้นติดสติ๊กเกอร์ส่วย  วิ่งบรรทุกแบบน้ำหนักสร้างความเสียหายกับถนนหลวงของแผ่นดิน เป็นจำนวนเงินค่ามหาศาล แต่ไร้การกวดขันจับกุมอย่างจริงจังส่งผลให้รัฐบาลต้องจัดเป้าหมายซ่อมแซมปีละหลายพันล้านบาท
ล่าสุดรถทุกดินน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดวิ่งแบบน้ำหนักออกจากจากไซต์งานก่อสร้างคอนโดฯในซอยสุขุมวิท 64/2 ออกมาได้ 100 เมตร ถึงถนนหน้าซอยสุขุมวิท 64/1 วิ่งผ่านแผ่นคอนกรีตที่ปูทับปิดปากบ่ออุโมงค์ร้อยสายไฟและสายสัญญาณ เกิดทรุดตัวล้อหลังรถสิบล้อตกลงไปทำให้หน้ารถยกลอยชี้ฟ้าติดแหง็กไปไหนไม่ได้ มีคนเจ็บ 2 คน เป็นแท็กซี่และไรเดอร์ที่วิ่งตามมา คนขับแท็กซี่แค่ปากแตก แต่ไรเดอร์ถูกแผ่นปูนดีดกระเด็นไปตกเกาะกลางถนนหัวแตกส่งผลรถติดยาวเหยียด รถบรรทุกน้ำหนักเกิน สั่งล้อมคอกวางมาตรการเพราะบ่อแบบนี้ในเมืองกรุงเทพมีถึง 700 บ่อ 
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ที่ผ่านมาขณะที่ พ.ต.ท.สาธิต ศรีโหมด สว.จร.สน.พระโขนง ปฎิบัติหน้าที่อยู่ได้รับแจ้งเหตุถนนทรุด มีรถบรรทุกสิบล้อเกือบตกลงไปในบ่ออุโมงค์ร้อยสายไฟฟ้าและสายสัญญาณ ทำให้การจราจรติดขัดรถไม่สามารถผ่านสัญจรไป-มาได้ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 64/1 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. ไปตรวจสอบพร้อม ​​​​​​​ พ.ต.อ.โอภาส หาญณรงค์ ผกก.สน.พระโขนง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงพระโขนง กู้ภัยบางนา การไฟฟ้า กทม.ที่เกิดเหตุถนนสุขุมวิท (ขาเข้า) มุ่งหน้าพระโขนง เป็นถนน 3 ช่องจราจร ช่องกลางพบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 83-7281 นนทบุรี บรรทุกดินเต็มคัน ล้อหลังตกลงไปในบ่อ ล้อหน้ายกลอยเหนือพื้น มีแผ่นปูนปูทับบนบ่อของการไฟฟ้านครหลวง 4 แผ่น แผ่นละประมาณ 4×4 เมตร หนาประมาณ 10 นิ้ว ยุบลงไปพร้อมกับตัวรถ ส่วนด้านข้างดีดขึ้นสูงกว่า 1 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อนายสุรชัย ตรงสาลี อายุ 37 ปี ไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บ ศีรษะแตก ส่ง รพ.รวมใจรักษ์ อาการปลอดภัย และนายสวาสดิ์ ทำหินกอง อายุ 48 ปี คนขับรถแท็กซี่ปากแตกไม่ประสงค์ไป รพ. ​​​​​​​
นายสวาสดิ์ คนขับรถแท็กซี่โตโยต้าสีชมพู  เล่าว่า ขณะขับตามรถบรรทุกดินมาในช่องทางด้านซ้าย รถบรรทุกขับมาช่องทางกลาง จยย.จอดอยู่เลนขวา เมื่อรถบรรทุกคันดังกล่าวขับผ่านฝาท่อเป็นจังหวะเดียวกับที่หน้ารถตนกับ จยย.อยู่ตรงแผ่นปูนที่ดีดตัวขึ้นมาเพราะน้ำหนักรถบรรทุก ทำให้หน้ารถตนยกขึ้นกันชนหน้าเสียหายเล็กน้อย ส่วน จยย.กระเด็นไปตกเกาะกลางถนน ได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่า นายศักดิ์มงคล หรือบอย ทาสะโก คนขับรถบรรทุกเล่าว่า ขับออกมาจากไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 64/2 บรรทุกดินออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร ถึงจุดเกิดเหตุ แผ่นคอนกรีตบริเวณล้อหลังทรุดตัวลงทำให้หน้ารถลอยขึ้น ตนตกใจรีบลงจากรถและเห็นว่า มีรถแท็กซี่ที่ขับตามหลังมาเสียหาย 1 คัน ส่วนไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบที่กระจกหน้ารถบรรทุกมีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียว มีอักษรภาษาอังกฤษตัวบี
จากการตรวจสอบขนาดของบ่อมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 เมตร ความลึกของบ่อ 15 เมตร แต่ตัวคานเหล็กที่รองรับระหว่างแผ่นคอนกรีตและปากบ่อ 1 เส้น คานเหล็กมีรอยเชื่อมต่อทำให้ยาวพอดีกับปากท่อ คาดว่าเป็นสาเหตุทำให้แผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ 4 แผ่นที่ปิดปากบ่อทรุดตัวลง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำรถ10 ล้อขนดินตกบ่อร้อยสายไฟ น้ำหนัก 37.45 ตัน เกิน ก.ม.กำหนด 12 ตัน ส่วนสติกเกอร์หน้ารถ B ในรูปดาวสีเขียวคือ “บิ๊ก”ผู้รับเหมาเจ้าของรถ  ​​​​​​​
 “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังตรงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมประชุมร่วมกับหนึ่งรับผิดชอบ และประสานงานขอตาชั่งกรมทางหลวง เพื่อนำมาชั่งน้ำหนักรถบรรทุกทั่ว กทม. ส่วนรถขนดินคันเกิดเหตุบรรทุกถึง 61 ตัน  ขณะที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ 348/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏข้อมูลว่ารถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีสติกเกอร์หน้ารถบรรทุกเป็นรูปดาวมีตัวอักษร B สีเขียว เกิดเป็นประเด็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนโดยทั่วไปว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์หรือไม่ เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบมีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ และจะมีมูลอันเป็นการกระทำความผิดทางวินัยตำรวจหรือไม่  ​​​​​​​
“บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  เผยหลังประชุมติดตามความคืบหน้าร่วมกับ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รรท.ผบก.น.5 พ.ต.อ.โอภาศ หาญณรงค์ ผกก.สน.พระโขนง ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง เผยว่า รถคันเกิดเหตุเป็นรถ 10 ล้อ มี 3 เพลา น้ำหนักต้องไม่เกิน 25 ตัน ถ้าตรวจสอบพบน้ำหนักเกินดำเนินคดีแน่นอน เบื้องต้นแจ้งข้อหา 1 ข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนทางแพ่งพนักงานสอบสวน จะเรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้รับเหมา ผลชั่งน้ำหนักช่วงล้อคู่หน้า นน. 5,100 กก. ส่วนเพลาล้อกลาง นน.16,400 กก.และเพลาคู่หลัง นน.15,950 ก.ก. รวมน้ำหนัก 37,450 กก. หรือ 37.45 ตัน ตามกฎหมายห้ามเกิน 25 ตัน นั่นคือบรรทุกน้ำหนักเกินมา 12 ตัน สิ่งสำคัญลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการคือการชั่งน้ำหนักรถบรรทุกทั้งหมดที่เข้า กทม. กวดขันห้วงเวลารวมถึงเส้นทางการเดินรถแก้ปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่ จะประสานกรมทางหลวงเอาตราชั่งออกมาตั้งในพื้นที่แต่ละ สน. รวมถึงหน้าไซต์งานก่อสร้างเพื่อตรวจน้ำหนักรถบรรทุกทุกคัน พร้อมเตรียมเชิญผู้ประ กอบการรถบรรทุก ทั้งหมดมาพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายรถบรรทุก จะทำให้เป็นคดีตัวอย่างเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ตั้งแต่ดำเนินคดีคนขับไล่ย้อนไปถึงเจ้าของว่าคือใคร รู้น้ำหนักและวงรอบการวิ่งของรถไหม หากรู้เห็นเป็นใจจะดำเนินการเจ้าของด้วย ​​​​​​​
 ส่วนเหตุที่มีการขับรถบรรทุกที่ตักดินออกไปทั้งที่รู้ว่ามีน้ำหนักเกินนั้น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดร่วมกันและเรื่องสติกเกอร์ จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีหรือไม่ ยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสติกเกอร์ “ตัว B”  อย่างไร ก็ตาม ตั้งแต่เข้ามารับผิดชอบงานในส่วนนี้ พบว่าที่ผ่านมาไม่มีการจับกุมรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน มีเพียงแต่การจับกุมรถบรรทุกที่ทำของตกหล่นบนท้องถนนเท่านั้น หลังจากนี้ไปจะดำเนินการอย่างจริงจัง