สัมภาษณ์พิเศษ : “สรวงศ์ เทียนทอง” กางแผนปั้น “เพื่อไทย” กลับมายืนหนึ่ง ขอก้าวข้ามวาทกรรม “พรรคชินวัตร”

 

“ อยากให้ก้าวข้ามคุณทักษิณสักที ถ้าทักษิณไม่อยู่จะไปโทษใคร ”

 

เรื่อง : ชนิดา สระแก้ว / ภาพ : พสุพล ชัยมงคลทรัพย์

หมายเหตุ: "สรวงศ์ เทียนทอง" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐรายวัน” เปิดแผนการทำงานแนวรุก เพื่อผลักดันให้ “พรรคเพื่อไทย” กลับมา “ยืนหนึ่ง” ให้ได้ ไม่กังวลปัจจัยที่จะทำให้กระทบพรรค เชื่อมั่นฝีมือรัฐบาลเร่งทำผลงานออกมาให้มากที่สุด รวมทั้งตอบคำถามประเด็นร้อน ที่เกี่ยวกับ  “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี  

-ภารกิจในฐานะเลขาฯพรรคคนใหม่ มองว่าหากมี 3 เรื่องที่ต้องเร่งทำ คืออะไรบ้าง      

ต้องสานต่อสิ่งที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พูดไว้ตั้งแต่วันรับตำแหน่ง มี 4 ข้อ 1.การทำดิจิตอล ออแกนไนซ์เซซั่น ซึ่งเป็นบทบาทของพรรคทั้งหมดจากอดีตจนถึงปัจจุบันจะต้องอยู่ในฟอร์มของดิจิตอลทั้งหมด เพื่อให้สมาชิกพรรค หรือพี่น้องประชาชน สามารถเข้าถึง และสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย เราถูกกระทำอะไรบ้าง เพราะนิวโหวตเตอร์จะไม่เคยรู้เลยว่าเราทำอะไรมาแล้วและผ่านอะไรมาบ้าง

2.การทำงานแนวราบ คือการเชื่อม หรือลดช่องว่างในการทำงาน ระหว่างพี่น้องประชาชน สส.และรัฐบาล ฝ่ายบริหาร ทำให้ช่องว่างเหล่านี้ลดน้อยลงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ ถ้าเราทำงานแนวราบได้จริง พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงตัวสส.ได้ และสส.สามารถส่งผ่านให้รัฐมนตรีได้ ผมมองว่าเราจะได้รู้ปัญหาจริง แก้ปัญหาให้ตรงจุด

3.การทำให้ครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้น การที่จะไปเสริมสร้างเรื่องอาชีพให้กับกลุ่มย่อย ซึ่งจริงๆแล้วเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทย หัวหน้าพรรคทำไว้ เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยทำไว้เยอะ เราไม่ได้ทิ้ง แต่จะไปสานต่อให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนอาชีพในจังหวัดต่างๆที่ไปวางเครือข่ายเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่เน้นอาชีพให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้จริง ๆโดยไม่ต้องพึ่งภาครัฐ ไม่ต้องรอเงินแจก ไม่ต้องรอเงินรัฐที่จะไปมอบให้ สามารถมีอาชีพ เรายังเชื่อมั่นและยังยึดถือในนโยบายว่าเราจะไม่ให้ปลากับพี่น้องประชาชน แต่เราจะให้อุปกรณ์ในการหาปลา ให้ความรู้ เพราะว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะช่วยทำให้ยั่งยืนมากขึ้น

และ4.ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 5-6 ธ.ค. 66 ที่เขาใหญ่ที่ผ่านมา เราพบว่าองค์กรที่ผ่านการทำงานมาแล้ว 20 ปีขึ้นไปจะเจอปัญหาเจนเนอเรชั่นคือช่องว่างระหว่างวัยของบุคลากรพรรคเพื่อไทยก็มีทั้งสส.เป็นมาแล้ว 9-10 สมัยตั้งแต่รุ่นพ่อ มีรุ่นลูก รุ่นหลาน เพราะฉะนั้นการที่จะให้คนอายุ 80 กว่ามาคุยกับอายุ 27 ทำอย่างไรถึงจะทำให้สมูทที่สุด ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งผมก็ถูกวางตำแหน่งไว้ให้เป็นแม่บ้านพรรค เป็นคนรุ่นกลางเก่า กลางใหม่ อายุไม่มากเกินไป มีประสบการทางการเมืองก็พอสมควร รู้จักคนในยุคเก๋า และรุ่นน้องๆยังเรียกผมว่าพี่อยู่   

 -พรรคเพื่อไทย จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในยุคไทยรักไทย ได้อีกหรือไม่ และต้องใช้ปัจจัยอะไรบ้าง  

เราเชื่อมั่นว่าถ้าเราแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน งานที่อยู่กับพี่น้องประชาชนจริงๆเราไม่ด้อยกว่าใครแน่นอน แม้กระทั่งตัวสส.และผู้สมัครพรรคเพื่อไทย รวมทั้งคนที่พลาดการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็ยังลงพื้นที่ทุกวัน มั่นใจว่าเราไม่ด้อยกว่าพรรคไหน แต่สิ่งสำคัญที่พรรค และผมได้รับประสบมาคือ โหวตเตอร์ที่สามารถไปลงคะแนนให้ไม่ได้ในอยู่พื้นที่ ไปทำงานในกรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่รู้ว่าสส.ในเขตผลักดันอะไร เอากิจกรรม และงบประมาณอะไรไปลงในพื้นที่ แต่เขาจะทราบข่าวในออนแอร์เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคกำลังทำอยู่ และกำลังแก้ไข และพัฒนาระบบ ให้โหวตเตอร์ทั่วประเทศได้เห็นว่าสส.ในพื้นที่ทำอะไร

ซึ่งจะมีการครีเอทแพลตฟอร์มใหม่ ๆเกิดขึ้นในพรรค เพื่อให้สส.ของพรรค และรัฐมนตรีได้เข้าถึง และไปกระจายให้พี่น้องประชาชนได้เห็นว่านอกเหนือจากที่เราไปงานศพ งานแต่ง งานบวช แล้วพรรคทำอะไรให้พื้นที่บ้าง เราต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในเรื่องนี้ ออนกราวเราแข็งแรงแล้ว  แต่งานออนแอร์ที่จะทำให้ประชาชนเห็นว่าเราทำอะไร ซึ่งสำคัญมากในโลกปัจจุบัน   

-บทบาท "ขาที่ 2" ของพรรคเพื่อไทย ที่จะเดินคู่ไปกับขาของ"รัฐบาล" พรรคจะต้องทำอย่างไร

ถูกต้อง...เราจะทำงานคู่กับรัฐบาลไปด้วย ผมมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะมั่นใจว่าอะไรที่เราสัญญากับพี่น้องประชาชนแล้วเราทำได้ สิ่งนี้เป็นโจทย์หนึ่งที่สำคัญ และเรื่องงบประมาณในปี 2567 ผ่านมา 3-4 เดือนแล้ว ยังไม่ได้เข้าสภาฯ เพราะฉะนั้นจึงค่อนข้างติดขัดในการที่จะเอางบประมาณลงมาเพื่อทำเรื่องต่างๆให้กับพี่น้องประชาชน 

ส่วนนโยบายแก้หนี้ เป็นเสียงสะท้อนที่มาจากสส.เวลาที่นายกฯไปร่วมประชุมรับฟังปัญหาของพรรคเพื่อไทย นายกฯให้ความสำคัญกับสส.ที่มาสะท้อนปัญหาให้กับฝ่ายบริหารได้ฟัง ซึ่งนายกฯให้ความสำคัญถึงขนาดว่าได้เชิญฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาพูดคุยให้แยกเรื่องยาเสพติดและเรื่องการแก้หนี้ ไม่อยากให้หลงประเด็น เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสะท้อนปัญหาไปยังนายกฯและรัฐมนตรี เพื่อนำไปพัฒนาในการทำงานของฝ่ายบริหารได้อย่างเต็มที่   

-พรรคเพื่อไทย ชูว่าเป็นพรรคของประชาชน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมยังมองว่าเป็นพรรคของครอบครัวชินวัตร เราจะทำความเข้าใจอย่างไร  

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้พูดว่าอย่าคิดว่าเป็นธุรกิจครอบครัวว่ามีเจ้าของ จริงๆก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนก่อตั้งพรรคเพื่อไทยเป็นนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจุดศูนย์รวมความคิดที่ทำให้พวกเราเป็น แต่ถ้าดูจริง ๆชินวัตรไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเลย มีแต่คนปัจจุบันคือนส.แพทองธาร ซึ่งจะบอกว่าการที่ได้นส.แพทองธารมาเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราดีใจ

เรามองว่า 1.วัยวุฒิ คุณวุฒิได้ทุกอย่าง 2.ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจมา เหมือนผมเองเกิดมาคุณพ่อเป็นสส. เราซึมซับ คือประสบการณ์ล้วน ๆซึ่งหาไม่ได้ นั่นคือจุดแข็งของพวกผม แต่บางทีอาจจะเป็นวาทกรรมอย่างหนึ่ง อยากให้ก้าวข้ามนายทักษิณสักที บางทีผมก็คุยกันเล่น ๆถ้าทักษิณไม่อยู่จะไปโทษใคร ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็พูดออกมาชัดเจนว่าอย่ามองว่าพรรคนี้มีเจ้าของ หรือว่าเป็นของชินวัตร เป็นของพี่น้องประชาชนจริง ๆซึ่งเรายึดถือตรงนี้มาตลอด  

-บทเรียนหลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด คืออะไร เมื่อ “พรรคก้าวไกล” ชิงพรรคอันดับ 1 ไป  

ครั้งที่ผ่านมาเราก็ชูนส.แพทองธาร แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆสิ่งหลายๆอย่าง ท่านหัวหน้าไม่ได้อยู่กับพวกเรา เพราะท่านได้ลาคลอด 2-3 อาทิตย์ ก็เป็นจุดเปลี่ยนจริง ๆ และวาทกรรม ถ้าย้อนกลับไปดูสื่อมวลชน และนักวิชาการ มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้มากจริงๆ โดยเฉพาะเวทีดีเบต แต่ละเวที ไม่เคยมีครั้งไหนที่ถามคนขึ้นเวทีว่าเลือกตั้งเสร็จจะไปจับมือกับใคร และเราก็ตอบเป็นกลางมาโดยตลอด แต่การตอบความเป็นกลางทำให้นิวโหวตเตอร์ในปัจจุบัน มองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ชัดเจน

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเราชัดเจนมากคือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน เพราะเรามั่นใจว่าสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ถ้าพี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ  ตอนที่หาเสียงทำโพลกันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่พอถึงเวลา วาทกรรม บางอย่างทำให้ความคิดของประชาชนเปลี่ยนทันที ซึ่งความเปลี่ยนแปลงอันนี้ถ้าเรามองในแง่ดี ก็เป็นบทเรียน  

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่าอดีตสส.หลายสมัยสอบตก ผมเองก็โดนเหตุการณ์แบบนี้ตั้งแต่สมัยปี 2562 โดนบล็อกอะไรต่าง ๆไม่มีปัญหา แต่คะแนนผมหายไปอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ เพราะเป็นบัตรใบเดียว พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าอย่างไง สรวงศ์ เทียนทอง ก็ได้ สุดท้ายสุดคะแนนผมหาย และพลาดไป พอครั้งนี้จึงมีประสบการณ์

เพราะฉะนั้นคนที่พลาดไปในการเลือกตั้งปี 2566 ผมว่าตัวผู้สมัครมีประสบการณ์ในความพ่ายแพ้ ประมาทไม่ได้ พี่น้องประชาชนมีบทเรียนแล้วว่าการเลือกตามกระแส ทุกวันนี้ในพื้นที่บางคนยังไม่เคยเห็นหน้าสส.เลย ดังนั้นเราทำงานต่างกัน เราทำงานในพื้นที่ เราทำงานในสภาฯ แต่เราอ่อนในเรื่องของออนแอร์ กลับกันเขาทำงานสภาฯอย่างเดียว ทุกวันนี้พยายามจะเปลี่ยนข้อบังคับให้ประชุม มีการถ่ายทอดสด สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมมองเป็นมุมดี เป็นบทเรียนของผู้สมัครและพี่น้องประชาชนที่ ก็เป็นบทเรียนของพรรคเพื่อไทยให้พวกเรากระตือรือร้นในการทำงาน  

ครั้งนี้แม้แต่พรรคก้าวไกลเองก็ตกใจว่าคะแนนชนะพรรคเพื่อไทย แต่ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ของทั้งสองฝั่ง ถ้าดูสมัยพรรคไทยรักไทยตัดเป็นคลิปวีดีโอสั้น ๆออกมาโปรโมท เยาวชนๆน้องมองว่าพรรคนี้เจ๋ง แต่ตอนนี้มันเอ้าท์ไปแล้ว ต้องมาทำรูปแบบโชเชียลให้มากขึ้น แต่ความเร็วมันก็อันตราย ข่าวที่ออกไปจริงเท็จไม่รู้ เมื่อออกไปแล้ว ก็ยากที่จะไปตามแก้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กรรมการบริหารพรรคต้องทำการบ้าน  

-มองว่าการเมืองในปี 2567 จะเป็นอย่างไร มีปัจจัยอะไรที่จะกระทบกับพรรค และรัฐบาล บ้าง  

ปี 2567 เป็นปีที่นโยบายต้องเริ่มออกแล้ว เพราะรัฐบาลบริหารประเทศครบ 100 วัน มีหลายอย่างที่รัฐบาลทำออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว แต่การโปรโมท การพูดถึงยังน้อยอยู่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 นโยบายสำคัญคือดิจิตอลวอลเลต ต้องออกถึงพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่พวกเราหมายมั่นปั้นมือที่พวกเราทำให้พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้

อย่างน้อยที่สุดอยากให้เงินหมุนในประเทศ เพราะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันมันกระทบเกือบทุกประเทศทั่วโลก ทางเอกอัครราชทูตลาว ก็บอกว่าเศรษฐกิจแย่ ค่าเงินกีบก็อ่อน ปัญหาตอนนี้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ตอนนี้จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ อย่างแรกคือเราเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำไม่ต้องซื้อของกินจากใครเป็นส่วนที่แข็ง แต่ที่เราเสริมที่นายกฯและพรรคเพื่อไทยพูดมาตลอดคือต้องกระชากเศรษฐกิจประเทศไทยกระเตื้องขึ้นมา

การกู้เงินมาไม่ได้กู้มาเพื่อแจกๆ แต่เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันว่ามีเงินก้อนเป็นแบค ระบบดิจิตอลวอลเลตไม่ใช่เงินดิจิตอล แต่เป็นเงินบาท จะถูกส่งให้พี่น้องประชาชนผ่านระบบดิจิตอลวอลเลต ถ้าหมุนได้มากเท่าไหร่ เงินกู้มายังอยู่ ตราบใดที่ยังไม่มีการไปแคชเอาท์ เบิกเป็นเงินสดออกมามันยังอยู่

ถ้าเราร่วมกันใช้ดิจิตอลวอลเล็ตให้สมประโยชน์ที่สุด ใช้ไป 3-4-5 รอบโดยที่ไม่ไปแคชเอาท์เลยจะช่วยประเทศได้อย่างมหาศาลแน่นอน คนลงทุน แวตเข้ารัฐเรียบร้อยแล้ว เราได้แน่นอน รายละเอียดต่างๆต้องให้สส.พรรคเพื่อไทย หรือผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ละเอียดที่สุด  

ปัจจัยเรื่องแรกคือความมั่นคง ยืนยันชัดเจนว่าไม่แตะมาตรา 112  และหมวด 1 หมวด 2 ส่วนเรื่องการทำประชามติเราก็คิดให้รอบคอบ เพราะทำ 2-3 ครั้งเงินของประเทศหายไป  ส่วนเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้นพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา เพื่อคุยกันให้ตกผลึกในห้องเล็ก แล้วนำไปพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ ผมคิดว่าน่าจะเร็วและดีกว่า

เพราะฉะนั้นในปี 2567 ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง เพราะตอนนี้ ปัญหาค่าฝุ่น PM2.5 ก็หนักพอสมควร และยังมีเรื่องเอลนีโญอีก มีการคาดการณ์ไว้ว่า 2-3 ปีจะมีแล้งมาก ๆสิ่งต่างๆเหล่านี้รัฐบาลจะต้องขยันและทำผลให้ออกมาสู่พี่น้องประชาชนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด  

-เรื่องคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล 

ทุกวันนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของวาทกรรม ใครคุมสื่อ หรือใครที่มีคนติดตามเยอะ ๆก็สามารถปั่นได้เร็วขึ้น แต่มุมมองของผมในฐานะคนๆหนึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายทักษิณกลับมาและยอมรับที่จะเข้าสู่กระบวนการ แต่ยอมรับที่จะกลับมา ท่านก็พูดชัดเจนว่าสิ่งสุดท้ายในชีวิตก็คืออยากมาอยู่กับหลาน กลับมาก็เข้ากระบวนการ และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ผมมองว่าก่อนหน้านี้ก็มีกระแสบอกว่าวันที่ 3 ต.ค.จะได้รับพระราชทานลดโทษอีก ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค.ก็มีข่าวว่าจะได้ลดโทษอีกก็ไม่มี เป็นการพูดตีกินให้ถูกด่า แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่ออกข่าว อยากถามว่ามีใครรับผิดชอบและขอโทษหรือไม่ แต่ในโลกโชเชียล เราถูกด่าเละเทะไปแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามองอย่างใจเป็นธรรมว่าที่ผ่านมาการถูกดำเนินคดีที่ผ่านมามันยุติธรรมหรือเปล่า