วันที่ 27 ธ.ค.66 นายพิเชฐ พิมพา ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดประเด็น ลุยขยาย 4-6 เลน ทล.317 “เขาฉกรรจ์-สระแก้ว” หนุนเชื่อมกัมพูชา โดยมีนายพรพิชิต กลิ่นมาลี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสระแก้ว หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายภาคประชาชน จัดทำแผนงานและแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อป้องปรามหรือเฝ้าระวังปัญหาการทุจริตในพื้นที่ ภายใต้โครงการการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ 2567
ด้าน นายพรพิชิต กลิ่นมาลี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสระแก้ว กล่าวว่า ทางหลวง ลุยขยาย 4-6 เลน ทล.317 สาย อ.เขาฉกรรจ์-สระแก้ว ตอน 1 และ ตอน 2 ระยะทางกว่า 17.5 กม. วงเงิน 1,799 ล้านบาท เสร็จปี 69 เพิ่มพลังโครงข่ายคมนาคมขนส่งภาคตะวันออกเชื่อมกัมพูชา ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 317 สาย อ.เขาฉกรรจ์-สระแก้ว ตอน 1 และ ตอน 2 ช่วง กม.130+100-กม.147+600 พื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.เมือง จ.สระแก้ว ระยะทาง 17.5 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 1,799,089,400 บาท แบ่งเป็นการดำเนินการเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอน 1 กม.130+100-กม.142+500 พื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์ ระยะทาง 12.400 กม. งบประมาณ 900 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างในปี 66 แล้วเสร็จประมาณปี 69 ระยะเวลาประมาณ 3 ปี ตอน 2 ช่วง กม.142+500-กม.147+600 พื้นที่ อ.เมือง จ.สระแก้ว ระยะทาง 5.100 กม. งบประมาณ 899,089,400 บาท เริ่มต้นสัญญาวันที่ 27 เม.ย. 66 สิ้นสุดสัญญา 10 เม.ย. 69 ระยะเวลา 1,080 วัน
โดยมีบริษัท ดอนเมืองการช่าง จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วสำหรับโครงการดังกล่าวเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ จะดำเนินการบูรณะและปรับปรุงโครงสร้างชั้นทางเดิมที่เป็นผิวทางลาดยางจะก่อสร้างเป็นผิวทางคอนกรีตทดแทน รวมทั้งขยายช่องจราจรจากเดิมที่มีขนาด 4 ช่องจราจร เป็น 6 ช่องจราจร พร้อมก่อสร้างสะพานข้ามแยกสระขวัญจุดตัดทางหลวงหมายเลข 359
ซึ่งจะก่อสร้างเป็นสะพานยกระดับบนแนวทางหลวงหมายเลข 359 ขนาด 6 ช่องจราจร รวมทั้งก่อสร้างจุดกลับรถ สะพานข้ามลำน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม ติดตั้งระบบระบายน้ำ และไฟฟ้าส่องสว่าง ทางหลวงหมายเลข 317 สาย อ.เขาฉกรรจ์-สระแก้ว เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.จันทบุรี และ จ.สระแก้ว ทำให้มีปริมาณการจราจรจำนวนมาก โดยข้อมูลในปี 65 พบว่ามีปริมาณจราจรอยู่ที่ 13,871 คันต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นรถบรรทุกถึง 1,716 คันต่อวัน หรือคิดเป็น 12.37% ทำให้ผิวทางเดิมชำรุดเสียหายเป็นอย่างมาก โครงการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมทั้งแก้ปัญหาจราจร สนับสนุนการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ จ.สระแก้ว และจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศกัมพูชา กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ
ขณะที่ นายพิเชฐ พิมพา ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามบริบทของพื้นที่ ดังนั้นการกำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา การทุจริตในพื้นที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน เนื่องจากส่วนราชการในระดับพื้นที่และประชาชนในพื้นที่จะเป็นผู้ที่ทราบข้อมูลและความต้องการที่แท้จริง เพื่อส่งเสริมให้หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน ภาคเอกชน และเครือข่ายภาคประชาสังคมในระดับพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังปัญหาการทุจริต และให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะในการจัดทำมาตรการข้อเสนอแนะในการป้องกันและปราบปราม การทุจริตประพฤติมิชอบในระดับพื้นที่ให้เกิดผลอย่างมีรูปธรรม ส่งผลให้ทุกภาคส่วนเกิดความตื่นตัวในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นกิจกรรมการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดประเด็น จัดทำแผนงานและแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อป้องปรามหรือเฝ้าระวังปัญหาการทุจริตในพื้นที่ ภายใต้โครงการการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่เพื่อระดมความคิดเห็น ชี้แจง และร่วมกันวางแผนหรือกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่
ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนงานปฏิบัติการโครงการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมระดมความคิดเห็นในครั้งนี้ จะมีแนวทางการดำเนินงานและการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ในการเป็นด่านหน้าที่สำคัญที่ช่วยขจัดปัญหาการทุจริตในพื้นที่ให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย เพื่อป้องปรามหรือเฝ้าระวังปัญหาการทุจริตในพื้นที่ ซึ่งเป้าหมายของโครงการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่ มีเป้าหมายเพื่อระดมความคิดเห็นจัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตในระดับพื้นที่ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตไปใช้ในการป้องกันการทุจริตในพื้นที่ เพื่อทำให้คดีการทุจริตในพื้นที่ลดลง สนับสนุนให้หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน ภาคเอกชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมในระดับพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังปัญหาการทุจริตดังกล่าว