เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มายังห้องผู้สื่อข่าว 2 เพื่อพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนและได้สอบถามเรื่องการปรับปรุงห้องทำงานผู้สื่อข่าว ก่อนกล่าวยืนยันว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะย้ายห้องผู้สื่อข่าว ไปตีความกันเอาเอง ตนต้องการปรับปรุงใหม่ทำให้ดีขึ้น ห้องใหญ่ขึ้น สะดวกสบายขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้นายกฯใส่ถุงเท้าสีส้มซึ่งแตกต่างจากทุกวันที่ใส่สีแดง นายกฯกล่าวว่า ตนใช้ว่าสีแสด ตนไม่ชอบสีสม เมื่อถามว่าทำไมถึงชอบสีแสด นายกฯกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน อย่าบิดไปการเมือง ตนใส่สีแสดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตนชอบใส่สีแดงมากที่สุด สีเขียว สีม่วง สีชมพูก็มี
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนความรู้สึกที่ได้มาทำงานกับนักข่าวการเมือง ไม่ได้มีปัญหา ทุกคนต่างมีหน้าที่และไม่ได้รู้สึกโกรธเมื่อถูกตั้งคำถามอย่างแรง เพราะเข้าใจดีว่าหน้าที่ผู้สื่อข่าวคือการสื่อสาร และไม่ได้มองว่านักข่าวยั่วจนเกินไป ตนไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้มีความรู้สึกภาพลบกับผู้สื่อข่าว ก็อย่างที่ตนบอกทุกคนมีหน้าที่ นักข่าวก็อยากได้สิ่งที่อยากได้ ตนก็อยากทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่านายกฯมีความตั้งใจจะอยู่ 4 ปีใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ความตั้งใจผมอยู่ 4 ปี” เมื่อถามว่าคิดว่าต้องสู้เยอะหรือไม่ที่ต้องอยู่ 4 ปี นายกฯกล่าวว่า เป็นธรรมดาก็ต้องสู้เยอะ สู้กับตัวเอง สู้กับความคาดหวัง ความต้องการของประชาชน แน่นอนตนสู้อยู่แล้ว ถ้าเราหยุดทำงานไม่มีผลงานเมื่อไหร่มันบ่งบอกถึงจุดจบ
เมื่อถามว่าเตรียมพลังไว้เต็มที่ สู้ไหวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า so far so good ก็ยังไหว ไม่มีอะไรที่ทำให้บั่นทอนหรือคิดถอย ไม่มี เมื่อถามว่า 3 เดือนที่ผ่านมารู้สึกตัวเองแก่ลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ร่างกายแย่ลง แต่ว่ามีความอดทนสูงขึ้นเยอะ
เมื่อถามว่า แล้วสิ่งที่แฮปปี้ที่สุดตลอด 3 เดือนคืออะไร นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่แฮปปี้ที่สุด ทุกอย่างทำให้ดีขึ้น ปรับปรุงได้หมด
เมื่อถามว่า การได้มาเป็นนายกฯ ถือว่าแฮปปี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "เป็นหน้าที่ ไม่สิทธิว่าแฮปปี้หรือไม่แฮปปี้ เหนื่อยหรือไม่เหนื่อยไม่สิทธิพูด จริง ๆ แล้วไม่มีสิทธิ เมื่อคุณเสนอตัวเข้ามาทำแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ คุณต้องมีความสุขกับงาน คุณต้องหลงรักงาน ไม่อย่างนั้นคุณไม่สามารถทำได้หรอก 4 ปี เพราะคุณแบกความหวังคน 69 ล้านคนไว้ คุณต้องทำให้เต็มที่
เมื่อถามว่า นายกฯ ภูมิใจหรือไม่ที่ระบุว่าจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่นักข่าวบ่นเหนื่อย นายกฯ กล่าวว่า ไม่ ตนเห็นใจมากกว่า เพราะแต่ละคนมีเครื่องอำนวยความสะดวกแตกต่างกันไป บางทีตนไป 3 จุดตนก็เห็นอยู่ว่าสื่อกินข้าวครึ่งจานก็วิ่งตามกันแล้ว บางทีขึ้นเครื่องด้วยกันไม่ได้ ก็ต้องไปค้างคืนแล้วนั่งรถยนต์ตามไปตอนเช้า ตนไม่ได้ภูมิใจ แต่ตนเห็นใจมากกว่า ซึ่งตนจะพยายามจูนวิธีการทำงานให้ได้ความลึกของเนื้องานมากขึ้น และตัดจำนวนลง เพื่อสื่อจะได้มีเวลาในการเก็บข่าว และเดินทางจากจุดมุดหมายหนึ่งไปอีกจุดมุดหมายหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
เมื่อถามว่า ภารกิจนายกฯ ในแต่ละวันเป็นเรื่องสำคัญ แต่รวบเอามารวมกันในวันเดียวทำให้น้ำหนักของข่าวมันเอียงไป นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเป็นปลายเหตุ ต้องบอกว่าเราทำงานเพื่ออะไร เราทำงานเพื่อประชาชน การที่ตนไป 5 งานกับไป 2 งาน แน่นอนตนพยายามที่จะไป 5 งาน ถ้าไป 5 งานแล้วไม่มีข่าว แต่ประชาชนแฮปปี้มากตนก็ควรจะไป 5 งาน แต่ถ้าไป 5 งานแล้วไม่ได้ลงลึก ทำให้ประชาชนไม่ได้แฮปปี้ ตนว่าตัดออกไปเหลือน้อยลงอยู่นานขึ้น ฟังปัญหาเชิงลึกมากขึ้นดีไหมก็ต้องปรับกันไปเรื่อยๆ