เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 27 ธ.ค. 2566 พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิโรจน์ ภูมิเพชรฤาชา รอง ผกก.(สส.)สภ.เมืองขอนแก่น, พ.ต.ต.ธีรภัทร์ วงศ์วิลาศ สว.(สส.)ฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ชป.2 เข้าทำการจับกุม นายพลพักตร์ หรือเพียง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/31 ม. 3 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น,นายสันติ หรือตั้ม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/59 ม.7 ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี และ นายทรงวุฒิ หรือมิ้ล อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 ม.1 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางรถยนต์กระบะเซฟโรเลต โคโรลาโด สีขาว หมายเลขทะเบียน ขอนแก่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ภายในรีสอร์ทชื่อดังในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นโดยใช้รถยนต์กระบะเชฟโลเรตสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะในการก่อเหตุทุกครั้ง โดยล่าสุดก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ในชุมชนศรีมารัตน์ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่โดยรอบ จนกระทั่งพบรถต้องสงสัยมีรถจักรยานยนต์อยู่ท้ายกระบะ ขับมุ่งหน้าออกจากตัวเมือง มายังพื้นที่ ต.บ้านเป็ด เจ้าน้าที่จึงทำการตรวจสอบตามหมู่บ้านและรีสอร์ที่พักต่างๆ จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะเซฟโรเลต โคโรลาโด สีขาว จอดอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ( เนเจอร์แกรนด์ รีสอร์ท) ในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด จึงได้ทำการตรวจสอบ และพบผู้ต้องหาทั้ง 3 พักอยู่ภายในห้องพักห้องที่ 1 จึงแสดงตัวและขอตรวจค้น
" ซึ่งจากากรตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยแบ่งหน้าที่กัน ซึ่งนายทรงวุฒิทำหน้าที่จัดหารถยนต์ โดยยืมรถกระบะจากญาติ นายพลพักตร์และนายสันติทำหน้าที่หารถจักรยานยนต์เตรียมไว้เพื่อลักทรัพย์ ก่อนจะขับรถตระเวนไปในจุดเป้าหมาย ซึ่งหลังจากก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์แล้ว นายพลพักตร์ได้ติดต่อขายรถจักรยานยนต์ทางออนไลน์ ให้กับลูกค้าที่ต้องการรถจักรยานยนต์ เพื่อขายเอาเงินมาแบ่งกันใช้เที่ยวฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยรถจักรยานยนต์คันล่าสุด ขายได้ในราคา8,000 บาท"
ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า จากากรตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่า มีภาพถ่ายของรถเป้าหมายที่เตรียมก่อเหตุ รวมทั้งรถที่ถูกโจรกรรมมาแล้ว แต่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสลับคันรถกัน และมีข้อมูลรถจักรยานยนต์คันอื่นๆอีกหลายคัน จึงได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือไว้ตรวจสอบ ก่อนจะทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป