วันที่ 26 ธ.ค.66 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุข้อความว่า ...
แสงแดดและรังสี อัลตราไวโอเลตหรือยูวี ในสมัยก่อน ตั้งแต่ปี 1928 ที่พบว่า รังสี ยูวี ทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนังได้เลยทำให้มีการหลีกเลี่ยงแสงแดดกันมาตลอด
ตราบจนกระทั่งประมาณปี 1980 เป็นต้นมา เป็นที่ประจักษ์ว่าแสงแดดมีคุณประโยชน์นานัปการ
แสงแดด เปรียบเสมือนกับเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้นและยังสามารถป้องกันโรคหัวใจและเส้นเลือดทั้งร่างกาย รวมกระทั่งถึงสาเหตุการตายต่างๆ จนถึงมะเร็ง
ทั้งนี้ยังปรับสมดุลย์การทำงานของตับทำให้ต้านพิษ ได้เก่งขึ้นและทำให้โรคที่เรียกว่าโรคเมตาบอลิค อ้วน ลงพุง เบาหวาน ไขมันความดันสามารถชะลอหรือควบคุมได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ แสงแดดกับสุขภาพที่ดีนั้นไม่สามารถอธิบายได้จากการที่แสงแดดทำให้เกิดการสังเคราะห์วิตามินดี เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าการเสริมวิตามินดี ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการตายและการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดต่างๆรวมกระทั่งถึงมะเร็ง
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่เชื่อมโยงกับ ระบบต่อมไร้ท่อ ทั้งนี้ โดยที่มีเซลล์ที่เป็นตัวรับฮอร์โมนหลายชนิด และยังมีการสร้างสารเอนโดฟิน วิตามินดี และฮอร์โมน
เอสโตรเจน เป็นตัน
รวมทั้ง ฮอร์โมน ghrelin โดยตัวที่ผลิต ฮอร์โมนนี้มาจากเซลล์ adipocytes ที่ผิวหนัง เมื่อกระทบกับแสงยูวีบี โดยผ่านกลไกของ p53 หรือ ที่เราเรียกว่า เป็นโปรตีนที่เป็นเทวดาอารักษ์ของจีโนม (guardian of genome)
ทั้งนี้ หน้าที่โดยสังเขป คือควบคุมวงจรชีวิตของเซลล์ให้มีการซ่อมแซม ดีเอ็นเอ เมื่อเจอกับอันตราย และที่จะก่อมะเร็ง รวมทั้งความแก่ชรา และในความสั้น ยาวของเส้นทีโลเมียร์ (telomere) ที่เกี่ยวกับอายุ
และควบคุมความเสถียรของยีน (genomic stability)
และถ้ามีความเสียหายเกินที่จะเยียวยาได้ ก็จะกำหนดให้เซลล์ตาย (programmed cell death) และยังเกี่ยวพันกับ ระบบการควบคุม การคลี่และบิดเกลียวของโปรตีน ที่จะเป็นพิษทำให้เซลล์ตาย (unfolded protein response และ ubiquitinylation)
ghrelin ถูกสร้างจากกระเพาะ แต่ก็เป็นเพียงในจำนวน 60% เท่านั้น
ปัจจุบันมี ความกระจ่างชัด ขึ้นว่า p53 จะปฏิบัติตัวเป็นฟัลครัม หรือ เหมือนจุดคานงัดไม้กระดก และไม่เพียงแต่เป็นเทวดาอารักขา การอยู่ หรือตายของเซลล์ และการป้องกันการเกิดเนื้องอกหรือมะเร็ง เท่านั้น ยังมีตัวghrelin เป็นตัวกระตุ้นให้มีการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสียหายไป
ในส่วนของสมดุลในระดับเซลล์นี้ยังเกี่ยวพันกับฮอร์โมน leptin ซึ่งออกฤทธิ์ตรงข้ามกับ ghrelin
วงจรของผิวหนังฮอร์โมนยังเชื่อมโยงประสานกับสมองผ่านทางกลูตาเมท ซึ่งกระตุ้นการเรียนรู้ของสมอง และ ghrelin ยังมีการเชื่อมกับระบบที่ทำให้ผ่อนคลายความวิตกกังวล รวมกระทั่งปกป้องสมองจากภยันตรายต่างๆ มีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบช่วยปกป้องหัวใจและควบคุมความดันทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางหัวใจและเส้นเลือด รวมกระทั่ง บรรเทาภาวะดื้ออินซูลิน ในโรค เมตตาบอลิค ซิ นโดรม ต่างๆ และระบบภูมิคุ้มกัน
ความสำคัญของแสงแดดที่ผ่านกระทบมาถึงระบบผิวหนังและส่งต่อในการสร้างสมดุลการทำงานของทุกระบบของร่างกาย รวมกระทั่งถึง สมอง หัวใจ เส้นเลือดและระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ให้ไม่เกิดความวิปริตแปรปรวน
และเราคงจะได้คำขวัญของ ”แสงแดด เดินวันละ 10,000 ก้าว และเข้าใกล้มังสวิรัติ” ก็จะอายุยืน สุขภาพดี ไม่มีโรค ไปทั้งหมดนะครับ