เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kanya Chumsana โพสต์ข้อความผ่าน เพจเฟซบุ๊ก กลุ่มเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ระบุว่า...

เตือนภัยโจรขโมยของบนเครื่องบิน

ขอแชร์ประสบการณ์ การจับโจรบนเครื่องบินค่ะ

-เราเดินทางจากกรุงเทพไปฮ่องกง เวลาประมาณตีสาม

ของวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

-เรากับเพื่อนขึ้นเครื่องเกือบเป็นคนท้ายๆของลำ เรานั่งในแถว41 เรานั่งริมหน้าต่าง เพื่อนนั่งกลาง และเป็นชายวัยกลางคนนั่งริมทางเดิน

-พอเครื่องออกบินไปได้สักพัก เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกลางเริ่มบอกเราว่าคนข้างๆขยับแบบตลอดเวลาไม่หยุด และเอาตัวเข้ามาใกล้ๆเพื่อนเราจนน่าอึดอัด และเริ่มยกเท้าขึ้นมาสูงมาก พอสัญญาณไฟดับลง เพื่อนเลยเดินไปหาแอร์เพื่อขอย้ายที่นั่ง

-พอเพื่อนเราเดินไปหาแอร์ ผู้ชายวัยกลางคนดูรนๆขึ้นมาทันทีค่ะ ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันทำให้เราเริ่มสังเกตเขา

-และทันใดนั้นเขาก็เดินมุ่งไปที่หน้าเครื่องเพื่อหาแอร์ ตรงจุดที่เพื่อนเราอยู่ เพื่อขอน้ำ ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ปกติแน่ๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไร ( เราเลยสังเกตว่าน้ำขวดเก่าเขาก็ยังไม่หมด จะไปทำไม)

-พอเพื่อนเราย้ายไป กลายเป็นโจรกับเรานั่งอยู่สองคน โดยที่ที่นั่งตรงกลางว่าง ( ตอนนี้โจรกับเราจับตาดูกันและกันตลอดเวลา สงครามประสาทสุด )

-เนื่องจากเป็นไฟล์กลางคืน ในเวลาต่อมาไฟถึงดับมืดลงค่ะ จังหวะนั้น โจรหยิบกระเป๋าจากบนเคบิ้นมา วางไว้ที่นั่งว่างๆ ย้ายกระเป๋าไปไว้ที่ขาของเขา และหยิบมันขึ้นมาค้น (มือเขาสั่นมาก ) และสุดท้ายเขาได้หยิบบางอย่างจากกระเป๋าใบนั้นเก็บไว้เอง และเอากระเป๋าวางคืนที่เดิม

-ตอนนั้นเราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร เพราะเราขึ้นเครื่องหลังเขา คิดว่าอาจจะหยิบของตัวเองก็ได้ แต่เริ่มคิดว่าเขาอาจจะเป็นโจร ทางเดียวที่เราจะรู้ได้คือ เจ้าของกระเป๋าตัวจริง ต้องหยิบกระเป๋าใบนั้น

-เดชะบุญมากที่ต่อมาอีกประมาณ 20 นาที เจ้าของกระเป๋าตัวจริงนั่งอยู่แถว 42หยิบกระเป๋าเพื่อเอาปากกา ( แต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าของหาย) ตอนนั้นโจรก็ดูรนมากอีกครั้ง

-เราเองที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างและโจรก็จับตาดูเราทุกการเคลื่อนไหว พยายามคิดว่าจะทำยังไงเพื่อขอความช่วยเหลือ

เราเลยเขียนโน้ตและยื่นให้แอร์ตอนที่แอร์มาเก็บขยะ

(ตอนนั้นเราใจเต้นมากมีความกังวลหลายอย่าง ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เป๊ะมาก)

-แอร์ได้รับโน้ต และพยักหน้า จากนั้นไม่นานมีแอร์ผู้ชายเดินมาถามผู้โดยสายแถวที่ 42 ว่ามีอะไรหายมั้ย ตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ตัวบอกว่าไม่มี ตอนนั้นเราเวนแล้วสุดๆ เพราะเรานั่งอยู่ข้างโจร ( โจรมือสั่นสุดๆ และรนมากตอนนั้น)

และก็โล่งใจที่ผู้เสียหายยังไม่รู้ตัว

-พอเครื่องจะลงจอดจริงๆ ผู้เสียหายรู้ตัวค่ะ! ( กว่าจะรู้ตัวได้)

และแอร์บนเครื่องคอยสังเกตุอยู่ ทางสายการบินก็ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

-พอเครื่องลงจอดปุป เราต่อสัญญาณมือถือ และบอกเพื่อน เพื่อนเลยบอกแอร์และย้ายเราไปนั่งที่ด้านหน้า ระหว่างรอตำรวจมา

-ตอนเครื่องจอดแล้ว เรามองออกไปข้างนอก ด้านนอกประสานงานกันจ้าละหวั่นเลยค่ะ

-ต่อมาอีกราวๆ 15-20 นาที ตำรวจก็มาจับโจรบนเครื่อง

-ตอนโจรออกไปจากเครื่องก็มองแรงเราไป 1 ที

-จากนั้นเราก็ให้ปากคำกับตำรวจที่ภาคพื้น

*สิ่งที่โจรหยิบไปเรามารู้ตอนเจอผู้เสียหายว่าคือเงินค่ะ

ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาล พี่ๆที่เดินทางช่วงนี้ดูและตัวเองและทรัพย์สินให้ดีนะคะ ของมีค่าพกติดตัวไว้ตลอด โจรมีอยู่ทุกที่ค่ะ

**ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ เราเขียนโพสนี้มีเจตนาเดียวคือแค่อยากเตือนและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อ่าน

จริงๆเรื่องผ่านมาเกือบเดือน ตัดสินใจเพิ่งมาแชร์ เพราะคิดว่าต้องมีคนล้อเลียนเรื่องใช่ภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องแน่ๆ ซึ่งก็มีจริงๆ แต่มีพี่ๆคนไทยหลายคนจัดการจนเขาลบเม้นไปแล้ว โดนล้อนิดหน่อยแลกกับให้หลายคนได้ระวังตัวกันมากขึ้น ก็คุ้มค่าอยู่ค่ะ

สุดท้ายรู้สึกดีที่ได้ออกมาโพสเตือนทุกคนค่ะ

และขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบแล้วเข้าใจ

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เฟซบุ๊ก Kanya Chumsana