เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ธ.ค.66 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพลระบุว่า ประชาชนอยากเห็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ว่า ก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะการสำรวจผลโพลขึ้นอยู่กับว่าใครสำรวจสถาบันไหนบ้าง และสำรวจในกลุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ จากส่วนไหนบ้าง ซึ่งตอนนี้เราฟังผลโพลจากทุกฝ่ายที่อาจจะมีลักษณะไปในทิศทางเดียวกันหรือแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือพื้นที่ของประชาชนโดยตรง ตนเชื่อว่าพื้นที่ที่รัฐบาลไปพบประชาชนส่วนใหญ่ ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนผลโพลถ้าเป็นในเมือง โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว ยอมรับว่าความนิยมของนายพิธายังมีอยู่ แต่คิดว่าอยู่ที่การทำงานมากกว่า รัฐบาลนี้เข้ามาช่วงแรกวุ่นอยู่กับการทำงานอยู่ หลังจากทำงานเสร็จแล้ว ค่อยไปดูอีกทีว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าความนิยมไม่เท่ากับผลงานที่ทำงานให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำโพลภายใน 3 เดือนคิดว่าเร็วไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเร็วไปนิดนึง เหมือนที่บอกว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงาน ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลเข้ามาครั้งนี้ มาถึงก็เจอแต่ปัญหาเยอะแยะ เป็นปัญหาที่สะสมมาเกือบ 9-10 ปี จากการรัฐประหาร ดังนั้นการทำงานขณะนี้ เป็นการปูรากฐาน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีงบลงทุนในการทํางานเลย ส่วนใหญ่เป็นงบประจำ เพราะงบประมานเป็นช่วงรอยต่อพอดี ซึ่งงบประมาณปี 67 กำลังจะเข้าสภาต้นปีนี้ ฉะนั้นเรายังไม่มีเงินทำงาน ดังนั้นงบประมาณที่เราจะทำงานได้ จะมีหลังเดือนพฤษภาคมปีหน้าเป็นต้นไป ที่ผ่านมาเราใช้การบริหารเงิน ด้วยการนำธนาคารของรัฐมาช่วยบ้าง เป็นการหยิบจับมาโป๊ะ เป็นการเตรียมพื้นที่แก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป และเชื่อว่าหลังจากปีใหม่เป็นต้นไป ทุกคนจะได้เห็นว่าฝีมือการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างไร และในช่วงต้นปี จะมีการชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า 3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามา ได้ปูรากฐานอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะใช้ผลงานเป็นตัวดึงคะแนนได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผลงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากอันดับต้นๆ ในการดึงความรู้สึก เพราะถ้าประชาชนเห็นความตั้งใจของรัฐบาล หรือสามารถแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนก็จะพอใจ เชื่อว่าเรามีความสามารถเหนือกว่าพรรคอื่น คือการลงไปพบปะประชาชน ซึ่งสมาชิกที่ลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงสะท้อนว่าพรรคยังได้รับความเชื่อมั่น เพียงแต่เราอาจจะต้องปรับการสื่อสารกับคนในเมืองและเยาวชน ส่วนการใช้โซเชียลมีเดีย ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่แข็งแรง มีข้อจำกัด ซึ่งหลังจากมีการปรับปรุงพรรค มีหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เชื่อว่าจะสามารถทำความเข้าใจให้คนเหล่านี้เข้าใจพรรคมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีเวลา 4 ปีในการทำงาน หลังจากนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่า ใครที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้ดีที่สุด
#พิธา #เพื่อไทย #พรรคก้าวไกล